กองทัพซูดาน กระทำการรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลและจับกุมประธานาธิบดี หลังครองอำนาจ 30 ปี ลั่นจะดูแลประเทศ 2 ปี ก่อนให้มีการเลือกตั้ง ด้านประชาชนไม่พอใจ แม้ดีใจที่รัฐบาลถูกล้ม แต่ก็เหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ภาพจาก AFP
วันที่ 12 เมษายน 2562 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า พลโท อาห์เหม็ด อาวัด อีบิน อูฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรองประธานาธิบดีแห่งประเทศซูดาน ได้ประกาศยึดอำนาจและล้มล้างระบอบการปกครองของ ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์ ผู้นำเผด็จการผู้ครองอำนาจมายาวนานถึง 30 ปี ขณะนี้พลโท อีบิน อูฟ ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศและประธานสภาโดยพฤตินัยเป็นการชั่วคราว
ประธานาธิบดีอัล-บาเชียร์ ได้ขึ้นสู่อำนาจหลังจากทำการรัฐประหารในปี 2532 ตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษในการบริหารประเทศนั้น ซูดานพบเจอสภาวะยากลำบากมากมาย รวมทั้งสงครามกลางเมืองทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งจบลงด้วยการที่พื้นที่ดังกล่าวแยกตัวออกมาเป็นอิสระ ตั้งประเทศใหม่คือ ซูดานใต้ นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งและความรุนแรงเกิดขึ้นในภูมิภาคดาร์ฟูร์ทางตะวันตก โดยศาลอาญาระหว่างประเทศได้โจมตีประธานาธิบดีอัล-บาเชียร์ ว่าเป็นทรราช เป็นอาชญากรสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ในเดือนธันวาคม 2561 ประชาชนชาวซูดานจำนวนมากได้ออกมาประท้วงต่อต้านประธานาธิบอัล-บาเชียร์ เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและการขึ้นค่าครองชีพให้สูงขึ้นไปจากเดิม หลังจากการประท้วงดำเนินไปได้ไม่นาน ประชาชนก็เริ่มกดดันประธานาธิบดีอัล-บาเชียร์ เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งและยุบรัฐบาล
ตลอดระยะเวลาประท้วง ได้มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการกับประชาชน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีคนเสียชีวิตแค่ 38 ราย แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนที่สังเกตการณ์เหตุการณ์เชื่อว่ามีมากกว่านั้น ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ สถานการณ์มาถึงจุดที่ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่นายอัล-บาเชียร์ จะต้องลงจากอำนาจ แต่เขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือการประกาศสภาวะฉุกเฉิน
ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์
ภาพจาก ASHRAF SHAZLY / AFP
กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 11 เมษายน 2562 รถถังและกองกำลังทหารจำนวนมาก เดินทางเข้ามายังกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของประเทศซูดาน กระจายกำลังเข้ายึดสถานที่ราชการ และบุกไปยังที่พักส่วนตัวของประธานาธิบดีอัล-บาเชียร์ หลังจากนั้นไม่นาน สถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุของทั่วประเทศได้ตัดเข้าสู่รายการเฉพาะกิจ ถ่ายทอดสดการแถลงยึดอำนาจของพลโท อีบิน อูฟ โดยเขาได้ประกาศว่า ซูดานตกอยู่ภายใต้การบริหารที่ย่ำแย่ การทุจริตคอร์รัปชัน และความอยุติธรรมมาเป็นเวลายาวนาน กองทัพจึงทำการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล
พลโท อีบิน อูฟ ยังได้ประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลา 3 เดือน พร้อมสั่งปิดน่านฟ้าเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนพรมแดนซูดานก็จะถูกปิดอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าคณะสภาทหารชั่วคราวจะมีคำสั่งใหม่ ทางด้านประธานาธิบดีอัล-บาเชียร์ นั้น ขณะนี้เขาถูกจับกุมและกำลังถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเขาถูกคุมขังอยู่ที่ใด
พลโท อีบิน อูฟ กล่าวอีกว่า เขาขออภัยถึงความรุนแรงและการเข่นฆ่าที่เกิดขึ้น การบังคับใช้รัฐธรรมนูญจะถูกเลื่อนออกไป นับจากนี้กองทัพจะบริหารจัดการประเทศเป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นจะจัดให้มีการเลือกตั้ง
หลังการปฏิวัติ ประชาชนยินดีที่รัฐบาลถูกโค่นล้ม ทว่าพวกเขาก็ไม่พอใจที่ทหารยึดอำนาจ และประชาชนนับหมื่นนับแสนยังคงปักหลักประท้วงอยู่ในกรุงคาร์ทูม แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะถูกล้มล้างไป แต่ก็เหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะเมื่อ 30 ปีที่แล้ว นายอัล-บาเชียร์ ก็ขึ้นสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารเช่นกัน
ตัวแทนจากสภาวิชาชีพ ผู้ออกมาร่วมประท้วง กล่าวว่า การที่ทหารออกมายึดอำนาจในครั้งนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากรัฐบาลชุดก่อน เพราะมันก็เป็นระบอบเดิม เขากล่าวอีกว่า ประชาชนจะปักหลักต่อสู้จนถึงที่สุด จนกว่าประเทศจะได้รับความสงบสุข และได้รับประชาธิปไตยที่แท้จริง
ทั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลชั่วคราวได้ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. แล้ว แต่ประชาชนก็ยังคงออกมาประท้วง องค์กรระหว่างประเทศหลายหน่วยงานก็เป็นกังวล เพราะเสี่ยงที่สถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรง จนเกิดการปะทะกันระหว่างทหารและประชาชน
