เปิดเรื่องราว มงกุฎหนามพระเยซู วัตถุสำคัญของศาสนาคริสต์ ที่เก็บรักษาไว้ที่มหาวิหารนอเทรอดาม เผยรอดพ้นเปลวไฟมาได้ หลังบาทหลวงพาเจ้าหน้าที่ บุกเสี่ยงตายเข้าไปเอา นอกจากนี้ยังพบไก่ทองแดงจากยอดมหาวิหาร ด้านในบรรจุหนามจากมงกุฎหนามพระเยซู

เหตุอัคคีภัยครั้งรุนแรงที่มหาวิหารนอเทรอดาม (Cath drale Notre-Dame de Paris) นับเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมใจกันออกมายืนตามถนนและจัตุรัสในปารีส ส่งเสียงสวดมนต์ภาวนาทั้งน้ำตา ขณะที่กำลังเฝ้ามองดูศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาติมา 850 ปี มอดไหม้ไปกับเปลวเพลิง แม้ว่ามหาวิหาร จะถูกไฟไหม้รุนแรงมาก แต่ก็ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง และในเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ยังมีเกร็ดความรู้ที่น่าทึ่งและน่าสนใจอีกมาก หนึ่งในนั้นก็คือ มงกุฎหนาม ซึ่งรอดจากไฟมาได้อย่างหวุดหวิด
สำหรับความเป็นมาของ มงกุฎหนาม นั้น เฟซบุ๊ก Treephob Tiangtrong ของ ตรีภพ เที่ยวตรง ได้โพสต์แชร์เกร็ดความรู้ไว้ว่า มหาวิหารนอเทรอดามเก็บรักษาวัตถุสำคัญ 3 อย่างที่เคยสัมผัสพระวรกายพระเยซู ได้แก่ มงกุฎหนาม ตะปูตรึงกางเขน และเศษไม้กางเขน โดยมงกุฎหนาม เป็นสิ่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมาก เปลี่ยนมือผู้เก็บรักษาไปหลายคน ตั้งแต่เยรูซาเล็ม ไปจนถึงดินแดนของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ขณะนั้นมงกุฎมีอายุมากกว่า 1,000 ปี แล้ว และยังคงได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่หนามบนมงกุฎได้ถูกหักออกแจกจ่าย ให้แก่เหล่ากษัตริย์ในยุคนั้น ด้วยความเชื่อว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์
กระทั่งถึงรัชสมัยของพระเจ้าบอลด์วินที่ 2 จักรวรรดิประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก และเป็นหนี้มหาศาล พระองค์จึงนำทรัพย์สินของมีค่าไปจำนำกับพวกพ่อค้าเวนิส เพื่อแลกกับเงิน ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ทรงรับทราบว่า มงกุฎหนาม ถูกนำไปจำนำรวมกับทรัพย์สินอื่น ๆ ด้วย พระองค์จึงนำทองจำนวนมากมาไถ่เอามงกุฎหนาม และอัญเชิญกลับมาฝรั่งเศส จากนั้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ได้ทรงหักหนามบนมงกุฎ แล้วนำออกแจกจ่ายเป็นของกำนัลแก่ผู้นำประเทศพันธมิตรต่าง ๆ ส่วนตัวมงกุฎได้มีการสร้างที่ครอบเอาไว้ และพระองค์ได้ทรงสั่งให้สร้างวิหารเอาไว้เก็บรักษามงกุฎ
![ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม]()
แต่เมื่อถึงคริสตศตวรรษที่ 19 ได้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น สมบัติของกษัตริย์และราชวงศ์ได้มีการถูกรื้อค้น จนพบมงกุฎหนามชิ้นนี้ และหลังจากที่หารือถกเถียงกันมา ทุกคนก็เห็นชอบให้นำมงกุฎไปเก็บรักษาที่มหาวิหารนอเทรอดาม จนถึงปัจจุบัน โดยวัตถุชิ้นนี้จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทั้งทางศาสนาและประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อถึงวันที่เกิดเหตุเพลิงไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม ทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้พยายามควบคุมไฟอยู่ด้านนอก ซึ่งเปลวเพลิงก็โหมรุนแรงมากขึ้น ข้าวของด้านในมหาวิหารก็ตกอยู่ในอันตราย เสี่ยงที่จะถูกเผา
จากการรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 ระบุว่า ในคืนนั้นเอง สาธุคุณ ฌ็อง-มาร์ก โฟนิเยร์ บาทหลวงผู้ดำรงตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ประจำสำนักงานดับเพลิงกรุงปารีส ได้พาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เสี่ยงชีวิตฝ่าเปลวไฟบุกเข้าไปในมหาวิหาร เพื่อไปเอาวัตถุสำคัญที่ประเมินค่ามิได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มงกุฎหนาม โดยโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ท่านสาธุคุณเก็บรหัสและกุญแจห้องเก็บของเอาไว้ เขาจึงสามารถพาทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยกันขนของออกมาได้
ทุกคนยอมบุกไฟกันแบบไม่คิดชีวิตและไม่กลัวตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจคว้ามงกุฎหนาม ส่วนท่านสาธุคุณคว้าเครื่องประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะรีบหนีออกมา โดยความกล้าหาญของสาธุคุณโฟนิเยร์ ทำให้เขาได้รับความยกย่องชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเขาไม่บุกเข้าไปในมหาวิหาร วัตถุสำคัญเหล่านั้นก็อาจสูญสลายไปกับเปลวเพลิง
นอกจากนี้แล้ว เพจ Notre Dame de Paris ของมหาวิหารนอเทรอดาม ก็ได้โพสต์ข่าวที่น่ายินดี โดยรูปหล่อไก่ทองแดงบนยอดแหลมของหลังคามหาวิหาร ซึ่งกระเด็นหายไปหลังจากยอดหลังคาถล่ม ได้ถูกพบในที่สุด แม้ว่าสภาพด้านนอกจะได้รับความเสียหายบ้าง แต่โดยรวมแล้วไก่ยังอยู่ในสภาพดี และที่สำคัญก็คือ ภายในไก่ตัวนี้มีการบรรจุหนามจากมงกุฎหนามของพระเยซู รวมทั้งอัฐิของนักบุญเฌเนเวียฟ อีกด้วย
![ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม]()
![ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม ไฟไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม]()

กระทั่งถึงรัชสมัยของพระเจ้าบอลด์วินที่ 2 จักรวรรดิประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก และเป็นหนี้มหาศาล พระองค์จึงนำทรัพย์สินของมีค่าไปจำนำกับพวกพ่อค้าเวนิส เพื่อแลกกับเงิน ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ทรงรับทราบว่า มงกุฎหนาม ถูกนำไปจำนำรวมกับทรัพย์สินอื่น ๆ ด้วย พระองค์จึงนำทองจำนวนมากมาไถ่เอามงกุฎหนาม และอัญเชิญกลับมาฝรั่งเศส จากนั้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ได้ทรงหักหนามบนมงกุฎ แล้วนำออกแจกจ่ายเป็นของกำนัลแก่ผู้นำประเทศพันธมิตรต่าง ๆ ส่วนตัวมงกุฎได้มีการสร้างที่ครอบเอาไว้ และพระองค์ได้ทรงสั่งให้สร้างวิหารเอาไว้เก็บรักษามงกุฎ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Treephob Tiangtrong
แต่เมื่อถึงคริสตศตวรรษที่ 19 ได้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น สมบัติของกษัตริย์และราชวงศ์ได้มีการถูกรื้อค้น จนพบมงกุฎหนามชิ้นนี้ และหลังจากที่หารือถกเถียงกันมา ทุกคนก็เห็นชอบให้นำมงกุฎไปเก็บรักษาที่มหาวิหารนอเทรอดาม จนถึงปัจจุบัน โดยวัตถุชิ้นนี้จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทั้งทางศาสนาและประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อถึงวันที่เกิดเหตุเพลิงไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม ทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้พยายามควบคุมไฟอยู่ด้านนอก ซึ่งเปลวเพลิงก็โหมรุนแรงมากขึ้น ข้าวของด้านในมหาวิหารก็ตกอยู่ในอันตราย เสี่ยงที่จะถูกเผา
จากการรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 ระบุว่า ในคืนนั้นเอง สาธุคุณ ฌ็อง-มาร์ก โฟนิเยร์ บาทหลวงผู้ดำรงตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ประจำสำนักงานดับเพลิงกรุงปารีส ได้พาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เสี่ยงชีวิตฝ่าเปลวไฟบุกเข้าไปในมหาวิหาร เพื่อไปเอาวัตถุสำคัญที่ประเมินค่ามิได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มงกุฎหนาม โดยโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ท่านสาธุคุณเก็บรหัสและกุญแจห้องเก็บของเอาไว้ เขาจึงสามารถพาทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยกันขนของออกมาได้
สาธุคุณ ฌ็อง-มาร์ก โฟนิเยร์
ทุกคนยอมบุกไฟกันแบบไม่คิดชีวิตและไม่กลัวตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจคว้ามงกุฎหนาม ส่วนท่านสาธุคุณคว้าเครื่องประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะรีบหนีออกมา โดยความกล้าหาญของสาธุคุณโฟนิเยร์ ทำให้เขาได้รับความยกย่องชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเขาไม่บุกเข้าไปในมหาวิหาร วัตถุสำคัญเหล่านั้นก็อาจสูญสลายไปกับเปลวเพลิง
นอกจากนี้แล้ว เพจ Notre Dame de Paris ของมหาวิหารนอเทรอดาม ก็ได้โพสต์ข่าวที่น่ายินดี โดยรูปหล่อไก่ทองแดงบนยอดแหลมของหลังคามหาวิหาร ซึ่งกระเด็นหายไปหลังจากยอดหลังคาถล่ม ได้ถูกพบในที่สุด แม้ว่าสภาพด้านนอกจะได้รับความเสียหายบ้าง แต่โดยรวมแล้วไก่ยังอยู่ในสภาพดี และที่สำคัญก็คือ ภายในไก่ตัวนี้มีการบรรจุหนามจากมงกุฎหนามของพระเยซู รวมทั้งอัฐิของนักบุญเฌเนเวียฟ อีกด้วย

