สาวสะพรึง อ้างมีสำลีหลุดจากจมูกตอนจาม เชื่อฝีมือหมอทิ้งไว้ขณะทำจมูกเมื่อ 6 เดือนก่อน จ่อร้องเงินชดเชยจากคลินิก แต่ทางคลินิกไม่ปักใจเชื่อว่าเรื่องจริง ขอดูหลักฐาน
วันที่ 22 เมษายน 2562 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานว่า หญิงจีนรายหนึ่ง ได้ออกมาเผยเรื่องราวชวนสะพรึง ระบุว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะพบว่ามีสำลีหลุดออกมาจากจมูกขณะจาม โดยเชื่อว่าสำลีก้อนนี้น่าจะติดอยู่ภายในจมูกของเธอมาเป็นเวลานานร่วมครึ่งปี นับตั้งแต่เธอไปทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกเสิรมความงามเมื่อ 6 เดือนก่อน
ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม หญิงแซ่จู ได้เข้ารับการทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งในเมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน โดยเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 26,000 หยวน (ราว 123,000 บาท) อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอกลับรู้สึกไม่พึงพอใจในจมูกใหม่นัก แถมยังรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ภายในจมูกนับตั้งแต่ตอนนั้น
ด้วยความสงสัย เธอได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลให้ตรวจสอบ แต่แพทย์ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ เธอจึงกลับมาบ้าน กระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอก็ได้จามเอาสำลีก้อนหนึ่ง หลุดออกมาจากจมูก โดยเธอยังอ้างว่าสำลีก้อนนี้มีคราบเลือดติดอยู่ แถมยังส่งกลิ่นที่เลวร้ายมาก ๆ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจจะเอาเรื่องทางคลินิก เพราะเธอเชื่อว่าสำลีก้อนนี้ต้องเป็นฝีมือของศัลยแพทย์ที่พลาดทิ้งไว้ขณะทำจมูกให้เธอแน่ ๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในขั้นตอนการทำจมูกของเธอ มีแพทย์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องถึง 3 คนด้วยกันในขั้นตอนต่าง ๆ ดังนั้นเธอก็ไม่แน่ใจว่าสำลีก้อนนี้เข้ามาอยู่ในจมูกของเธอในช่วงเวลาไหน
แต่แล้วหลังจากที่หญิงแซ่จูพยายามจะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางคลินิก ทางคลินิกกลับปฏิเสธความรับผิดชอบ ชี้ว่าในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เนื่องจากหญิงคนนี้ไม่พอใจในผลการทำศัลยกรรม เธอจึงได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับคลินิก ให้ทางคลินิกคืนเงินแล้วจำนวน 10,000 หยวน (ราว 47,000 บาท) ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับทางคลินิกสิ้นสุดลง และทางคลินิกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมรับเรื่องที่หญิงคนนี้มาเรียกร้องค่าชดเชยอีก 100,000 หยวน (ราว 470,000 บาท) หลังการเซ็นข้อตกลงฉบับนั้น
อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกได้ร้องขอให้หญิงแซ่จูนำหลักฐานเป็นสำลีก้อนดังกล่าวมามอบให้ทางคลินิกนำไปตรวจสอบ โดยชี้ว่าถ้ามีสำลีติดอยู่ในโพรงจมูกนานหลายเดือนจริง ระบบทางเดือนหายใจของเราต้องทนไม่ไหว ดังนั้นเพื่อจะให้รู้ว่าสำลีก้อนนั้นเป็นของที่ติดอยู่จริงหรือไม่ หญิงคนนั้นจะต้องนำมาให้ทางคลินิกตรวจสอบ และหากพบว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากคลินิกจริง ๆ พวกเขาจะไม่ขอหลบเหลี่ยงความรับผิดชอบใด ๆ
วันที่ 22 เมษายน 2562 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานว่า หญิงจีนรายหนึ่ง ได้ออกมาเผยเรื่องราวชวนสะพรึง ระบุว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะพบว่ามีสำลีหลุดออกมาจากจมูกขณะจาม โดยเชื่อว่าสำลีก้อนนี้น่าจะติดอยู่ภายในจมูกของเธอมาเป็นเวลานานร่วมครึ่งปี นับตั้งแต่เธอไปทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกเสิรมความงามเมื่อ 6 เดือนก่อน
ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม หญิงแซ่จู ได้เข้ารับการทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งในเมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน โดยเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 26,000 หยวน (ราว 123,000 บาท) อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอกลับรู้สึกไม่พึงพอใจในจมูกใหม่นัก แถมยังรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ภายในจมูกนับตั้งแต่ตอนนั้น
ด้วยความสงสัย เธอได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลให้ตรวจสอบ แต่แพทย์ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ เธอจึงกลับมาบ้าน กระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอก็ได้จามเอาสำลีก้อนหนึ่ง หลุดออกมาจากจมูก โดยเธอยังอ้างว่าสำลีก้อนนี้มีคราบเลือดติดอยู่ แถมยังส่งกลิ่นที่เลวร้ายมาก ๆ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจจะเอาเรื่องทางคลินิก เพราะเธอเชื่อว่าสำลีก้อนนี้ต้องเป็นฝีมือของศัลยแพทย์ที่พลาดทิ้งไว้ขณะทำจมูกให้เธอแน่ ๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในขั้นตอนการทำจมูกของเธอ มีแพทย์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องถึง 3 คนด้วยกันในขั้นตอนต่าง ๆ ดังนั้นเธอก็ไม่แน่ใจว่าสำลีก้อนนี้เข้ามาอยู่ในจมูกของเธอในช่วงเวลาไหน
แต่แล้วหลังจากที่หญิงแซ่จูพยายามจะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางคลินิก ทางคลินิกกลับปฏิเสธความรับผิดชอบ ชี้ว่าในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เนื่องจากหญิงคนนี้ไม่พอใจในผลการทำศัลยกรรม เธอจึงได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับคลินิก ให้ทางคลินิกคืนเงินแล้วจำนวน 10,000 หยวน (ราว 47,000 บาท) ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับทางคลินิกสิ้นสุดลง และทางคลินิกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมรับเรื่องที่หญิงคนนี้มาเรียกร้องค่าชดเชยอีก 100,000 หยวน (ราว 470,000 บาท) หลังการเซ็นข้อตกลงฉบับนั้น
อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกได้ร้องขอให้หญิงแซ่จูนำหลักฐานเป็นสำลีก้อนดังกล่าวมามอบให้ทางคลินิกนำไปตรวจสอบ โดยชี้ว่าถ้ามีสำลีติดอยู่ในโพรงจมูกนานหลายเดือนจริง ระบบทางเดือนหายใจของเราต้องทนไม่ไหว ดังนั้นเพื่อจะให้รู้ว่าสำลีก้อนนั้นเป็นของที่ติดอยู่จริงหรือไม่ หญิงคนนั้นจะต้องนำมาให้ทางคลินิกตรวจสอบ และหากพบว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากคลินิกจริง ๆ พวกเขาจะไม่ขอหลบเหลี่ยงความรับผิดชอบใด ๆ
