เผยคำตัดสิน ศาลอุทธรณ์ คดี เสี่ยขับเบนซ์ชนฟอร์ด เพิ่มโทษฐานเสพแอมเฟตามีนขับรถ เพราะเคยปฏิเสธตรวจสารเสพติด จึงให้พิจารณาว่าว่าเสพ
จากคดี นายเจนภพ วีรพร ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กทม. ชนรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน ฆย 6911 กทม. จนเกิดไฟลุกไหม้ ส่งผลให้ นายกฤษณะ ถาวร หรือ โต้ง และนางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือ เบนซ์ 2 นักศึกษาปริญญาโท เสียชีวิต เมื่อปี 2559 ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้เพิ่มโทษฐานเสพแอมเฟตามีนขับรถ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมพิพากษาให้จำเลย จำคุก 6 ปี นั้น (อ่านข่าว : ศาลพิพากษาเพิ่มโทษ เจนภพ เสี่ยขับเบนซ์ชนฟอร์ด จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วัน 11 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวอิสรา ได้เผยคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ กรณีเพิ่มโทษ นายเจนภพ โดยท่อนหนึ่ง ศาลระบุว่า ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า พนักงานสอบสวนแจ้งให้จำเลยทราบถึงการกระทำของจำเลยในวันที่ 30 มีนาคม 2559 ที่ไม่ยินยอมให้ผู้เชี่ยวชาญประจำสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เก็บตัวอย่างเลือด เส้นผม หรือส่วนประกอบในร่างกาย เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนในขณะขับรถหรือไม่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้
ขณะที่ นายวิเชียร ชุบไธสง ทนายความของครอบครัวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คดีนี้นับเป็นมาตรฐานใหม่ของการตัดสินคดีในศาล เนื่องจากนายเจนภพ ปฏิเสธที่จะตรวจสารเสพติดหลังเกิดเหตุ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาตามแนวทางของกฎหมาย ซึ่งระบุว่าหากผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะตรวจสารเสพติด ให้พิจารณาว่าผู้ต้องหาคนนั้นเสพสารเสพติดมาก่อน คดีนี้ศาลจึงพิพากษาว่าผู้ต้องหามีความผิดฐานเสพสารเสพติด ขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษหนักกว่าข้อหาเดิม ที่ศาลชั้นต้นตัดสิน คือข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, 
จากคดี นายเจนภพ วีรพร ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กทม. ชนรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน ฆย 6911 กทม. จนเกิดไฟลุกไหม้ ส่งผลให้ นายกฤษณะ ถาวร หรือ โต้ง และนางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือ เบนซ์ 2 นักศึกษาปริญญาโท เสียชีวิต เมื่อปี 2559 ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้เพิ่มโทษฐานเสพแอมเฟตามีนขับรถ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมพิพากษาให้จำเลย จำคุก 6 ปี นั้น (อ่านข่าว : ศาลพิพากษาเพิ่มโทษ เจนภพ เสี่ยขับเบนซ์ชนฟอร์ด จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วัน 11 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวอิสรา ได้เผยคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ กรณีเพิ่มโทษ นายเจนภพ โดยท่อนหนึ่ง ศาลระบุว่า ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า พนักงานสอบสวนแจ้งให้จำเลยทราบถึงการกระทำของจำเลยในวันที่ 30 มีนาคม 2559 ที่ไม่ยินยอมให้ผู้เชี่ยวชาญประจำสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เก็บตัวอย่างเลือด เส้นผม หรือส่วนประกอบในร่างกาย เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนในขณะขับรถหรือไม่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้
ขณะที่ นายวิเชียร ชุบไธสง ทนายความของครอบครัวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คดีนี้นับเป็นมาตรฐานใหม่ของการตัดสินคดีในศาล เนื่องจากนายเจนภพ ปฏิเสธที่จะตรวจสารเสพติดหลังเกิดเหตุ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาตามแนวทางของกฎหมาย ซึ่งระบุว่าหากผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะตรวจสารเสพติด ให้พิจารณาว่าผู้ต้องหาคนนั้นเสพสารเสพติดมาก่อน คดีนี้ศาลจึงพิพากษาว่าผู้ต้องหามีความผิดฐานเสพสารเสพติด ขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษหนักกว่าข้อหาเดิม ที่ศาลชั้นต้นตัดสิน คือข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

