"เบียร์ไร้แอลกอฮอล์" เบียร์ฝึกหัดสำหรับนักดื่มหน้าใหม่

เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ ไร้แอลกอฮอล์ จริงหรือ

          แต่ใครจะรู้ว่า เบียร์ที่ว่า "ไร้แอลกอฮอล์" หรือ (Alcohol-Free, Non-Alcoholic) ก็ไม่ได้หมายความว่า จะปราศจากแอลกอฮอล์ 100% เสียทีเดียว เพราะยังมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อยู่ แต่น้อยมาก คือน้อยกว่า 0.5% ขณะที่เบียร์ทั่วไปมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4-6.3% จึงเรียกได้ว่า ไร้แอลกอฮอล์ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์อาหารกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอนุญาต (อย.) ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถโฆษณาได้ แต่ต้องแสดงข้อความ "เครื่องดื่มมอลต์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือสกัดแอลกอฮอล์ออก" ควบคู่ทุกครั้ง

          เนื่องจากถูกจัดเป็นอาหาร จึงเสียภาษีเช่นเดียวกับน้ำอัดลม คือ 14% ของราคาปลีกบวกกับค่าความหวาน ราคาขายอยู่ที่ประมาณกระป๋องละ 33-99 บาท  ส่วนเบียร์ปกติ ราคาขายอยู่ที่กระป๋อง 32-50 บาท ถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 22% ของราคาขายปลีก

ปรับฐานภาษีสรรพสามิต กลไกป้องกันการเกิดนักดื่มหน้าใหม่

          แม้ "เบียร์ไร้แอลกอฮอล์" จะมีข้อดีกลบภาพลักษณ์ความเป็นเบียร์  แต่ด้วยรสชาติที่เหมือนเบียร์จนแยกไม่ออกนั้น นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนนโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า หรือ สคล. ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) กังวลว่า เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ จะเป็นเบียร์ฝึกหัดสำหรับนักดื่มหน้าใหม่ ให้ทดลองดื่ม เมื่อชินกับรสชาติแล้ว จะหันมาดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์แทน ทำให้ยอดนักดื่มหน้าใหม่จากเดิมที่มีเฉลี่ย 2.6 แสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นอีก 10% หรือราว 2.6 หมื่นคน และอายุจะน้อยลงเรื่อย ๆ

          ดังนั้น การปรับขึ้นภาษี จึงเป็นกลไกหนึ่งในการแก้ปัญหา ซึ่งล่าสุด กรมสรรพสามิตมีมติเก็บเพิ่มแล้ว โดยต้องมากกว่าเครื่องดื่มทั่วไป แต่ต้องไม่เกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนเก็บอัตราเท่าไร ยังไม่แน่ชัด

          "เบียร์ไร้แอลกอฮอล์" ผลิตขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักดื่มที่ไม่อยากเมา แต่หากถามคอทองแดงจริง ๆ แล้ว จะเลือกดื่มหรือไม่ ถ้าไม่เมา แน่นอนว่า คำตอบอาจมีทั้งคนเลือกดื่ม และไม่เลือกดื่ม แต่ที่แน่ ๆ เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซื้อได้ ไม่ผิดกฎหมาย