พ่อแม่สุดเจ็บปวด จำต้องเลือกยุติการรักษาลูกชาย เพื่อนำเงินเท่าที่มี ยื้อชีวิตสะใภ้ หลังล้มป่วยหนักทั้งคู่ สมองเสียหาย แต่ครอบครัวไม่มีเงินพอจะรักษาทั้งคู่
รายงานเผยว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่ เฉินกัง ชายวัย 38 ปี และ หยางหงย่าน ภรรยาวัย 36 ปี ได้จุดเตาถ่านเพื่อจะให้ความอบอุ่นแก่พวกเขาในช่วงฤดูหนาว เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทั้งคู่ได้สูดควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของถ่านเข้าไป จนร่างกายได้รับพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้หมดสติไป กว่าจะมีคนมาพบเวลาก็ผ่านไป 1 คืนแล้ว
คู่สามีภรรยาถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และยังคงไม่ได้สติอีกเลยนับจากนั้น สมองของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก พ่อแม่ของเฉินกังหมดเงินค่ารักษาทั้งคู่ไปกว่า 200,000 หยวน (ราว 910,000 บาท) แล้ว แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าอาการของพวกเขาจะดีขึ้น เงินก้อนดังกล่าวนั้นเป็นเงินที่พวกเขาได้รับบริจาคมา ร่วมกับการหยิบยืมจากคนอื่น ๆ และพวกเขาก็ไม่มีปัญญาหาเงินมารักษาลูกชายกับสะใภ้ได้อีกแล้ว
ที่ผ่านมา ลูกชายวัย 14 ปีของคู่สามีภรรยา ได้อาสาเข้ามาดูแลพ่อแม่ที่นอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล ท่ามกลางความปวดใจของปู่กับย่า กระทั่งวันหนึ่งแพทย์ก็ได้แจ้งกับครอบครัวของเขาว่า เฉินกัง ซึ่งมีอาการสาหัสกว่าภรรยา อาจจะต้องตัดแขนซ้าย เพื่อที่จะยื้อชีวิต
เมื่อพ่อแม่ของเฉินกังได้ทราบเช่นนั้น พวกเขาซึ่งไม่มีปัญญาจ่าค่ารักษาพยาบาลได้อีกต่อไป ก็จำต้องเลือก ในการตัดสินใจที่แสนเจ็บปวด โดย เฉินลี่โหยว พ่อของเฉินกัง เผยว่า แพทย์บอกว่าลูกชายของพวกเขามีโอกาสหายดีแค่ 10% เท่านั้น และต้องผ่าตัดอีก 2 ครั้ง มันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป พวกเขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น
ดังนั้นหลังจากพิจารณาและไตร่ตรองดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาก็จำต้องตัดสินใจ ยอมแพ้ไม่ขอรักษาลูกชายอีกต่อไป แล้วนำเงินที่เหลือมาช่วยชีวิตลูกสะใภ้แทน เพราะไม่อยากเห็นหลานต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
หลังการตัดสินใจอันแสนเศร้า
เฉินลี่โหยวก็ได้พาเฉินกังกลับมาบ้าน ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ในขณะที่ลูกสะใภ้ยังคงอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อการรักษาหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตามปาฏิหาริย์ที่ครอบครัวเฝ้ารอก็เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อเฉินกังได้ฟื้นคืนสติขึ้นมา
ทำให้พ่อแม่ของเขาเกิดความหวังที่จะหาทางรักษาเขาอีกครั้ง
"ตอนนี้ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหายดี ตราบเท่าที่ยังมีหวัง เราก็ยังจะพยายามหาทางรักษาเขาต่อไป" เฉินลี่โหยว กล่าว
แม้ว่าเฉินกังจะยังพูดไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้สติ สามารถรับฟังสิ่งที่พ่อแม่คุยกับเขา รวมถึงโต้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มได้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ครอบครัวของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความหวัง ว่าจะสามารถรักษาลูกชายกับลูกสะใภ้ให้หายดี กลับมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ดังเดิมได้อีกครั้ง