สถาบันวิจัย เตือนสหรัฐฯ แบน Huawei ส่อเป็นภัยเศรษฐกิจ สูญเสียรายได้นับพันล้านบาท เกือบ 74,000 ตำแหน่งงานอยู่ในความเสี่ยง
![สหรัฐฯ แบน หัวเว่ย]( "สหรัฐฯ แบน หัวเว่ย")
ภาพจาก astudio / Shutterstock.com
"มาตรการควบคุมการส่งออกนี้เป็นภัยต่อบริษัทอเมริกัน ในด้านความสามารถในการส่งออก และลดความสามารถในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา อันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาและสร้างตำแหน่งงานที่มีผลตอบแทนสูง" คาเล็บ ฟูต ผู้จัดทำรายงานร่วมกับ ITIF ระบุ
ทั้งนี้ คาเล็บ ฟูต ยังชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ควรจะเป็นไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติในด้านความมั่นคง โดยไม่บั่นทอนความสามารถทางด้านการแข่งขันเรื่องเทคโนโลยีเกิดใหม่ของบริษัทอเมริกัน
ภาพจาก astudio / Shutterstock.com
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ถูกจับตาในขณะนี้ เมื่อทาง กูเกิล (Google) ได้ออกมาประกาศแบนการทำธุรกิจร่วมกับ หัวเว่ย (Huawei) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนชื่อดังสัญชาติจีน ทำให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนหัวเว่ยไม่สามารถอัปเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ในอนาคต ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นผลสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่ม หัวเว่ย ลงในรายชื่อบริษัทที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้ากับสหรัฐฯ นอกจากมีใบอนุญาตถูกต้อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
อย่างไรก็ตาม มาตรการควบคุมการส่งของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่คว่ำบาตรหัวเว่ยในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงเป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งงานจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์ นิเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม หรือ ITIF ซึ่งเน้นวิจัยด้านเทคโนโลยีกับนโยบาย จนเป็นเปรียบเสมือนสถาบันคลังสมองของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนว่า มาตรการดังกล่าวนั้นอาจเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ บริษัทสัญชาติอเมริกัน อาจสูญเสียรายได้จากยอดขายร่วม 14.1 - 56.3 พันล้านดอลลลาร์สหรัฐ (ราว 4.49 ร้อยล้านบาท - 1.79 พันล้านบาท) ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อตำแหน่งงานอีก 18,000-74,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ คาเล็บ ฟูต ยังชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ควรจะเป็นไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติในด้านความมั่นคง โดยไม่บั่นทอนความสามารถทางด้านการแข่งขันเรื่องเทคโนโลยีเกิดใหม่ของบริษัทอเมริกัน
