ครูสาว รร. แห่งหนึ่ง ดีกรีนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ร้องศูนย์ดำรงธรรมเอาผิดวินัยคนรัก ตำแหน่ง ผอ.โรงเรียน แห่งหนึ่ง หลังคบกันนานกว่า 9 ปี แต่ฝ่ายสาวปันใจให้ครูคนใหม่ ถูกบังคับให้ตัดผมแต่งตัวเหมือนทอม คาดกลัวครูสาวคนรักใหม่เข้าใจผิด
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 TNN รายงานว่า ที่ จ.ชุมพร เกิดกรณีหญิงสาวรายหนึ่ง ลักษณะคล้ายทอม อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในสังกัดของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 และเป็นนักกีฬายิงปืนแบบรณยุทธ ทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อขอความเป็นธรรม
โดยเจ้าตัวได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตนเป็นครูอัตราจ้าง แต่ได้รับมอบหมายมาทำหน้าที่ด้านธุรการให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ทำหน้าที่นี้มานานกว่า 10 ปี และตลอดระยะ 10 กว่าปี ตนได้แยกกันอยู่กับสามี ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ ด้วยเหตุสามีแอบไปมีภรรยาน้อย แต่ไม่ได้หย่าร้างต่อกัน โดยตนเป็นผู้รับเลี้ยงลูกเองทั้ง 2 คน ส่วนสามีก็ไปมีลูกกับภรรยาใหม่ 3 คน จนกระทั่งตนได้ชอบพอกับผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งตัว ผอ. ก็ได้แยกกันอยู่กับภรรยาเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้หย่าเหมือนตน โดยระยะเวลากว่า 9 ปี ที่อยู่กับ ผอ. มีครูในโรงเรียนรู้แทบทุกคนว่าเราทั้งคู่คบกัน แทบจะกินอยู่ด้วยกัน
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ผอ. ได้ขอร้องให้ตนตัดผมให้สั้นเหมือนผู้ชาย โดย ผอ. ให้เหตุผลว่า
เพื่อจะได้ไปไหนมาไหนได้สบายใจยิ่งขึ้น เพราะต้องเดินทางไปด้วยกันบ่อย
ด้วยความที่ซื่อสัตย์ในความรักจึงยอมตัดผมเหมือนผู้ชายและซื้อที่รัดหน้าอก
เพื่อให้ดูเหมือนทอมที่สุด
นอกจากนั้นเงินที่ได้จากเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาปีนับล้านบาท
และเงินเดือนซึ่งไม่มากนัก ก็จะเอามาปรนเปรอซื้อทุกอย่างที่ ผอ. อยากได้
ต่อมาภายหลังมารู้ว่า ผอ. ได้แอบไปคบกับครูอีกโรงเรียนหนึ่ง หลังจากนั้น ผอ. ก็เริ่มหาเรื่องตนหนักขึ้น เหมือนจะทำให้อยู่ไม่ได้ ให้ย้ายออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้ แม้กระทั่งไปแจ้งความว่าตนพกอาวุธปืน ขว้างโทรศัพท์ที่ตนซื้อให้ต่อหน้าเพื่อนครูด้วยกัน ต่อว่าประจานต่าง ๆ นานา และล่าสุด ไปฟ้องทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโรงเรียนที่ตนอยู่ เพื่อบีบให้ตนออก ซึ่งทาง ผอ.เขต ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย แทนที่จะซักถามหรือสอบสวน กลับเรียกตน พร้อมกับได้ทำหนังสือขึ้นมา 1 ฉบับ ลงวันที่ 23 เมษายน 2562 ระบุเชิงบังคับ ให้ตนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของ ผอ. อีกต่อไป และห้ามนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ไม่ดี เข้าเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียล หรือระบบอื่น รวมทั้งห้ามพูดให้บุคคลอื่นได้ฟัง ลงชื่อร่วมกันทั้งสองคน
ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจมาร้องศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอความเป็นธรรมและเรียกศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกผู้ชายที่รักมาก ซึ่งเป็นถึงข้าราชการระดับผู้บริหาร ย่ำยีจิตใจ และไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ประพฤติตนผิดวินัยคบชู้ ซึ่งชู้หนึ่งในนั้นก็คือตน และดำเนินคดีกับรอง ผอ.เขต ที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติกรรมผิดวินัย โดยตนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือในการสอบสวน แม้ใครจะประณามตนก็ตาม ตนก็พร้อมเป็นจำเลยของสังคม แต่ขอทำให้เป็นตัวอย่างแก่วงราชการโดยเฉพาะข้าราชการครู
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
TNN
โดยเจ้าตัวได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตนเป็นครูอัตราจ้าง แต่ได้รับมอบหมายมาทำหน้าที่ด้านธุรการให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ทำหน้าที่นี้มานานกว่า 10 ปี และตลอดระยะ 10 กว่าปี ตนได้แยกกันอยู่กับสามี ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ ด้วยเหตุสามีแอบไปมีภรรยาน้อย แต่ไม่ได้หย่าร้างต่อกัน โดยตนเป็นผู้รับเลี้ยงลูกเองทั้ง 2 คน ส่วนสามีก็ไปมีลูกกับภรรยาใหม่ 3 คน จนกระทั่งตนได้ชอบพอกับผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งตัว ผอ. ก็ได้แยกกันอยู่กับภรรยาเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้หย่าเหมือนตน โดยระยะเวลากว่า 9 ปี ที่อยู่กับ ผอ. มีครูในโรงเรียนรู้แทบทุกคนว่าเราทั้งคู่คบกัน แทบจะกินอยู่ด้วยกัน
ต่อมาภายหลังมารู้ว่า ผอ. ได้แอบไปคบกับครูอีกโรงเรียนหนึ่ง หลังจากนั้น ผอ. ก็เริ่มหาเรื่องตนหนักขึ้น เหมือนจะทำให้อยู่ไม่ได้ ให้ย้ายออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้ แม้กระทั่งไปแจ้งความว่าตนพกอาวุธปืน ขว้างโทรศัพท์ที่ตนซื้อให้ต่อหน้าเพื่อนครูด้วยกัน ต่อว่าประจานต่าง ๆ นานา และล่าสุด ไปฟ้องทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโรงเรียนที่ตนอยู่ เพื่อบีบให้ตนออก ซึ่งทาง ผอ.เขต ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย แทนที่จะซักถามหรือสอบสวน กลับเรียกตน พร้อมกับได้ทำหนังสือขึ้นมา 1 ฉบับ ลงวันที่ 23 เมษายน 2562 ระบุเชิงบังคับ ให้ตนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของ ผอ. อีกต่อไป และห้ามนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ไม่ดี เข้าเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียล หรือระบบอื่น รวมทั้งห้ามพูดให้บุคคลอื่นได้ฟัง ลงชื่อร่วมกันทั้งสองคน
ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจมาร้องศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอความเป็นธรรมและเรียกศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกผู้ชายที่รักมาก ซึ่งเป็นถึงข้าราชการระดับผู้บริหาร ย่ำยีจิตใจ และไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ประพฤติตนผิดวินัยคบชู้ ซึ่งชู้หนึ่งในนั้นก็คือตน และดำเนินคดีกับรอง ผอ.เขต ที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติกรรมผิดวินัย โดยตนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือในการสอบสวน แม้ใครจะประณามตนก็ตาม ตนก็พร้อมเป็นจำเลยของสังคม แต่ขอทำให้เป็นตัวอย่างแก่วงราชการโดยเฉพาะข้าราชการครู
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
TNN
