รู้จัก การเมืองนำการทหาร นโยบายสำคัญของ พล.อ. เปรม สู่ความปรองดองของชาติ

           ย้อนประโยค การเมืองนำการทหาร ของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ดับเชื้อไฟที่อาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง เปิดโอกาสให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ ออกจากป่ามาใช้ชีวิตใหม่

          จากการถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งจากไปอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 นั้น สิริอายุ 98 ปี ซึ่งถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ ที่เต็มไปด้วยเกียรติประวัติมากมายนั้น

          ผลงานสำคัญอย่างหนึ่งของ พล.อ. เปรม คือการผลักดันนโยบาย การเมืองนำการทหาร ซึ่งปรากฏออกมาในรูป คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เพื่อยุติการทำสงครามสู้รบ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับ ฝ่ายรัฐบาล ผลพวงจากนโยบายดังกล่าว ทำให้นักศึกษา หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล

          คำสั่ง 66/2523 ของ พล.อ. เปรม มีขึ้นหลังประเทศต้องเผชิญสงครามแย่งชิงมวลชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ. เปรม และคณะทำงาน เริ่มตระหนักว่าวิธีการปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างเดียว ไม่น่าจะได้ผล เพราะชาวบ้านไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องใช้วิธีต่อสู้ทางความคิด และดึงเอาประชาชนมาเป็นฝ่ายเดียวกับราชการ

          สำหรับ "นโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์" เน้นการใช้การเมืองนำการทหาร เพื่อยุติสถานการณ์สงครามปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ และปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์ที่เข้ามามอบตัวอย่างประชาชนร่วมชาติ เปลี่ยนผู้หลงผิด ให้เป็นผู้พัฒนาชาติไทย และมีการนิรโทษกรรมความผิดให้ทั้งหมด รวมทั้งช่วยเหลือให้ใช้ชีวิตใหม่ร่วมกันต่อไปในสังคมอย่างเหมาะสม ซึ่งนโยบายดังกล่าว ช่วยลด ความร้อนแรงของการเมืองในยุคนั้น เพื่อให้รัฐบาลสามารถทุ่มเทกำลัง มาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จนส่งผลให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยเสื่อม จนสลายไปในที่สุด

          ขั้นตอนของการเอาชนะคอมมิวนิสต์คือ 1. การขยายอำนาจอธิปไตยของปวงชน และเสรีภาพทางการเมืองของปวงชน 2. และการสร้างระบอบประชาธิปไทย

          นโยบายการเมืองนำการทหารนั้น ทำให้ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, จิระนันท์ พิตรปรีชา สามารถออกจากป่ามาได้ และผู้ที่เข้าป่าไปในช่วงนั้น ยังได้รับการนิรโทษกรรมจากคำสั่งที่ 66/2523 อีกด้วย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
- wiki.kpi.ac.th