ศาลปล่อยตัวพ่อค้าส้ม แพะคดียาบ้า ลูกเมียสุดดีใจร่ำไห้โผเข้ากอด ทนายเผยเป็นคดีแรกของไทย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดถูกปล่อยตัวในชั้นตำรวจ หลังผลสอบชัดไม่มีเอี่ยวแก๊งค้ายา
จากกรณีที่ น.ส.กัลยกร ชลพิทักษ์ อายุ 37 ปี พร้อมทนายความ เข้าร้องเรียน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรม หลังนายพิชิต เชิดธรรม สามี ถูกตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จับกุมดำเนินคดี ในข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมิชอบ เนื่องจากนายวิชิต ได้รับการว่าจ้างจากนายปองพล สวัสดิ์ทัส ให้ขับรถขนส้มไปทิ้ง ที่ ซ.เทพกุญชร 10 แขวงคลองหลวง จ.ปทุมธานี แต่ปรากฏว่า นายวิชิตพบ ยาบ้า 52,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในลังส้ม จึงแจ้งตำรวจ สภ.คลองหลวง ให้มาตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับนายวิชิต ในฐานะผู้ต้องหา และถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2562 ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เวลา 11.30 น. นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความพร้อมด้วยนางสาวกัลยกร ชลพิทักษ์ อายุ 37 ปี และลูกอีก 2 คน ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อยื่นคำร้อง ขอให้ศาลปล่อยตัวนายพิชิต เชิดธรรม สามีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จับกุมดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิชอบ
โดยนายวรกร ระบุว่า หลังจากนางสาวกัลยกร ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยมี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. มารับเรื่องแทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วไม่พบการกระทำความผิด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีหมายปล่อยตัวมาที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ขอให้ปล่อยตัวนายพิชิต โดยให้เหตุผล "ไม่พบการกระทำความจึงได้ปล่อยตัวโดยมีการการประกันตัว" และจะมีการปล่อยตัวที่เรือนจำธัญบุรี
ส่วนเรื่องของคดีนั้นก็ยังมีผู้ต้องหาคนอื่นอีก แต่ถ้ามีการสั่งฟ้องสำนวนของนายพิชิต ก็จะพ่วงไปด้วย เมื่อพ่วงไปด้วยแล้วก็ขึ้นอยู่กับทางอัยการ แต่ถ้าทางอัยการมีความเห็นเดียวกันกับตำรวจ ก็คือจบคดีนี้ แต่ถ้าทางอัยการเห็นสมควรว่า จะเรียกตัวมาเป็นจำเลย ก็มีสิทธิ์ที่จะให้ทำพนักงานสอบสวนเรียก นายพิชิต มาอีกเพื่อเป็นจำเลยได้ แต่ต้องมีเหตุผลมากพอสมควรที่จะสั่งในการดำเนินคดี เพราะว่าจากสำนวนขอนายพิชิตที่มีอยู่นี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย มีแต่เพียงว่าไปขายส้มและเจอยาเสพติด จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยคดีดังกล่าวยังถือเป็นคดีแรกของประเทศไทยที่ผู้ต้องหาคดียาเสพติดมีการปล่อยตัวในชั้นของตำรวจโดยเฉพาะในคดีเรื่องยาเสพติด และไม่ใช่เป็นการปล่อยตัวชั่วคราว
จากนั้นเมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ปล่อยตัวนายพิชิต ออกมาจากเรือนจำ เมื่อนางสาวกัลยกร และลูกอีก 2 คน ได้เจอหน้านายพิชิต ต่างก็โผเข้ากอดกันและร้องให้ด้วยความดีใจ โดยนายพิชิต เผยหลังได้รับอิสรภาพว่า วันเกิดเหตุ เพื่อนของตนได้รับงาน มาเพื่อที่จะให้เอาส้มไปทิ้ง ซึ่งเมื่อตนได้รับมาแล้ว ก็ได้พูดคุยกับเพื่อนและถามว่า มีส้มบางส่วนที่ยังดีอยู่ ตนนำเอาไปขาย ซึ่งเพื่อนได้แนะนำให้เอาไปเร่ขาย ที่ ซ.เทพกุญชร 10 หลังจากนั้นก็ได้นำส้มไปเร่ขาย ที่คลอง 3 อ.คลองหลวง ก่อนมาพบยาบ้าอยู่ในลังส้ม
ซึ่งหลังจากที่เจอยาบ้าตนเองก็ไม่ได้ตกใจอะไร รู้แต่เพียงว่า ยาบ้าที่พบไม่ใช่ของตน จึงโทรแจ้งตำรวจ และขายส้มต่อ เมื่อตำรวจมาถึง ก็นำยาบ้าไปตรวจสอบ หลังจากนั้น ได้โทรเรียกให้ตนไปที่ สภ.คลองหลวง พร้อมกับให้เซ็นเอกสาร ด้วยความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องจึงเซ็นไป โดยก่อนที่ตนจะเซ็นนั้น มีเอกสารสำนวนคดีที่ตำรวจได้อ่านให้ตนฟัง ซึ่งพอจับใจความได้ว่า นายพิชิตได้ขับรถไปขนส้มและมียาเสพติดอยู่ในรถ การเซ็นในวันนั้น ตนไม่ได้รับสารภาพ ว่าเป็นเจ้าของยาเสพติด หลังจากที่นั้น ตำรวจได้พาตนไปชี้ยาเสพติด จากนั้นเจ้าหน้าได้ถ่ายรูป และนำตนเข้าไปขังที่ห้องขังของโรงพักก่อนถูกส่งมาที่เรือนจำ
โดยตลอด 1 เดือน ที่ตนเองถูกขังอยู่ที่เรือนจำนั้นรู้สึกทรมานใจมาก เนื่องจากต้องมามีสภาพเช่นนี้ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ซึ่งเวลาภรรยาตนเองมาเยี่ยมตนก็พูดไม่ถูกมีแต่ความเครียด คิดว่าตนเป็นพลเมืองดีแต่ทำไมต้องมาถูกจับกุม แล้วเวลาตัวเองทำความดีแล้วมันทำไมไม่ได้ดี นายพิชิต กล่าว
นายพิชิต กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาภรรยาได้บอกกับตนว่า
จะนำเรื่องของตนไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมและขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง ณ
ตอนนี้ตนก็ไม่อยากเรียกร้องอะไรมาก ขอให้ได้ออกมาจากเรือนจำ
และมาอยู่กับครอบครัวเท่านั้น หลังจากนี้ คงไม่กล้า ถ้าเจอสิ่งผิดกฎหมาย
จะไม่ขอเข้าไปยุ่ง และจะไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานอื่น
ซึ่งถ้าแจ้งไปก็อาจจะถูกจับมาแบบนี้อีก วันที่ไปขายส้ม
ยาเสพติดอยู่ในรถแต่ตำรวจไม่จับ กลับโทรเรียกให้ตนไปที่โรงพักและจับกุม
