ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สุ่มเก็บตัวอย่างโรตีสายไหม 13 ร้าน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา พบ 6 ร้าน ใส่สารกันบูดเกินมาตรฐาน ที่กำหนดห้ามเกิน 1,000 มก./กก. แต่บางร้าน กลับพบค่าสูงถึง 3,000 มก./กก.
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้นำเสนอข่าว เกี่ยวกับการสุ่มเก็บตัวอย่างโรตีสายไหมจำนวน 13 ตัวอย่างใน
จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารกันบูด ประเภทกรดเบนโซอิก
และสีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นครั้งที่สอง
ภายใต้โครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
จากก่อนหน้านี้ที่เคยสุ่มตรวจครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2561
โดย น.ส.ทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้ากองบรรณาธิการ นิตยสารฉลาดซื้อ เผยว่า จากการสุ่มตรวจครั้งนี้พบ 6 จาก 13 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 46 มีปริมาณสารกันบูดเกินค่ามาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 389 พ.ศ. 2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) อนุญาตให้ตรวจพบปริมาณกรดเบนโซอิกสูงสุดได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักอาหาร 1 กิโลกรัม ซึ่ง 6 ร้านดังกล่าว มีปริมาณสารกันบูดเกินค่ามาตรฐานอยู่ระหว่าง 1,024 - 3,281 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้
หากผู้บริโภคได้รับสารกับูดในปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น
อาการวิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน
หรืออาจทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง
และบางรายอาจถึงขั้นเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงช็อกเฉียบพลัน หายใจไม่ออก
หรือเป็นลมหมดสติได้
ส่วนการสุ่มตรวจสีผสมอาหารสังเคราะห์
พบว่า มีแผ่นแป้งโรตี จำนวน 2 ตัวอย่าง
ที่ตรวจพบปริมาณสีผสมอาหารสังเคราะห์ ในกลุ่มสีเหลือง คือ ตาร์ตราซีน
(Tartrazine) เกินมาตรฐาน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 381) พ.ศ. 2559
อนุญาตให้ใช้ ตาร์ตราซีน ได้สูงสุดไม่เกิน 50 มก./กก. ซึ่ง 2 ร้าน
มีปริมาณสีผสมอาหารอยู่ระหว่าง 57.41 - 59.76 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ด้าน ภก.สันติ โฉมยงค์ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค จ.พระนครศรีอยุธยา
กล่าวว่า หากต้องการบริโภคโรตีสายไหม
แนะนำให้เลือกซื้อเส้นสายไหมและแผ่นแป้งที่มีสีไม่เข้มจัด
เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคสีผสมอาหารสังเคราะห์ ส่วนสารกันบูดในแป้งโรตีนั้น
วิธีการสังเกตอย่างง่ายหากซื้อมา 2-3 วันแล้วยังไม่มีราขึ้น
ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าน่าจะใส่สารกันบูดในปริมาณมาก
แต่หากเป็นแป้งที่ใส่สารกันบูดน้อยก็จะเสียเร็ว
อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิฯ อยากขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบลงพื้นที่สุ่มตรวจโรตีสายไหมที่วางจำหน่าย หากพบร้านค้าใดใช้สารกันบูดหรือสีผสมอาหารเกินมาตรฐาน ก็อยากให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารให้กับผู้บริโภค และจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้วัตถุเจือปนอาหาร แก่ผู้ประกอบการร้านค้าอีกด้วย

ภาพจาก คนเฝ้าข่าว ช่อง 3
โดย น.ส.ทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้ากองบรรณาธิการ นิตยสารฉลาดซื้อ เผยว่า จากการสุ่มตรวจครั้งนี้พบ 6 จาก 13 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 46 มีปริมาณสารกันบูดเกินค่ามาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 389 พ.ศ. 2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) อนุญาตให้ตรวจพบปริมาณกรดเบนโซอิกสูงสุดได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักอาหาร 1 กิโลกรัม ซึ่ง 6 ร้านดังกล่าว มีปริมาณสารกันบูดเกินค่ามาตรฐานอยู่ระหว่าง 1,024 - 3,281 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ภาพจาก คนเฝ้าข่าว ช่อง 3

อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิฯ อยากขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบลงพื้นที่สุ่มตรวจโรตีสายไหมที่วางจำหน่าย หากพบร้านค้าใดใช้สารกันบูดหรือสีผสมอาหารเกินมาตรฐาน ก็อยากให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารให้กับผู้บริโภค และจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้วัตถุเจือปนอาหาร แก่ผู้ประกอบการร้านค้าอีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค