นพ.ประสิทธิ์ ยืนยัน ทางโรงพยาบาลศิริราชไม่เคยมีความคิดจะเอาร่างของ ซีอุย มาเป็นจุดขายของพิพิธภัณฑ์ศิริราช ชี้จุดประสงค์ที่นำร่างของนักโทษมาจัดแสดง ก็เพื่อเป็นกรณีศึกษา จากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
จากกรณี โรงพยาบาลศิริราช ปลดป้าย มนุษย์กินคน ออกจากร่างของ ซีอุย และเตรียมจัดบอร์ดให้ความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมเผยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีญาติมาติดต่อขอรับร่างคืน จึงกำลังพิจารณาว่าจะเผาหรือไม่นั้น (อ่านข่าว : ศิริราชปลดป้าย มนุษย์กินคน พ้นร่าง ซีอุย เผยทำบุญให้ทุกปี ยกเป็นอาจารย์ใหญ่)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (4 มิถุนายน 2562) สำนักข่าวไทย รายงานว่า นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลศิริราชได้ปลดป้าย มนุษย์กินคน ออกจากร่างของซีอุยเรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยมีความคิดจะเอาร่างของซีอุยมาจัดแสดงเพื่อเป็นพระเอกของพิพิธภัณฑ์ศิริราช หรือเป็นจุดขาย แต่เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ในอดีตที่เกิดขึ้นมานานแล้ว
โดยทางศิริราช ไม่ขอก้าวล่วงคำตัดสินของศาล เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่จุดประสงค์ของการจัดแสดงในพิพิธิภัณฑ์นั้น ทางโรงพยาบาลศิริราชตั้งใจจะให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องคดีและนิติวิทยาศาสตร์ เพราะในอดีตต้องยอมรับว่า วิวัฒนาการทางการแพทย์ไม่ทันสมัย ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ ไม่มีเครื่องเอ็มอาร์ไอ จึงไม่สามารถรู้ได้ชัดเจนถึงวิถีของกระสุนว่าเข้าตรงไหน อย่างไร ที่ทำให้กะโหลกศีรษะร้าว การจัดแสดงเหล่านี้ จึงเป็นการให้ความรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
![มนุษย์กินคน]( "มนุษย์กินคน")
นอกจากนี้ นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ที่พิพิธภัณฑ์ศิริราช มีร่างนักโทษประหาร 6 ร่าง มาจากหลากหลายคดี และมีหัวกะโหลกที่พบรอยกระสุนอีกมากมาย ซึ่งจากนี้ การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์จะมีการนำร่างมาเชื่อมโยงกับข้อมูล ในส่วนของซีอุย ก็จะนำเอาคำพิพากษาในอดีตมาจัดแสดง รวมถึงเอกสารหลักฐานที่ขอร่างซีอุยมาชันสูตร และนำมาเป็นอาจารย์ใหญ่สำหรับการจัดแสดง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การจัดแสดงร่างของซีอุยนั้น อยู่ในฐานะอาจารย์ใหญ่
และจะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลในวันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี ส่วนเรื่องญาติของซีอุยนั้น
ตลอดระยะเวลาการจัดแสดงไม่เคยมีญาติของซีอุยมาติดต่อ
และในหลักฐานของทางกฎหมายก็ไม่ปรากฏชื่อของญาติ
เพราะตามแหล่งที่ซีอุยไปอาศัยไม่มีใครนามสกุลเดียวกัน
หรือระบุได้ว่าเป็นญาติกับซีอุยมาก่อน
อย่างไรก็ตาม นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ในอดีต การนำร่างนักโทษมาศึกษานั้น ก็เพื่อดูถึงความผิดปกติของสมอง บางคนมีเนื้องอก ทำให้มีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไป เพราะในอดีตไม่มีเครื่องมือทันสมัยเหมือนในปัจจุบัน ส่วนสิ่งที่ได้เรียนรู้และเป็นอุทาหรณ์จากบทเรียนของซีอุย อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเตือนไม่ให้เด็ก ๆ ออกจากบ้านในเวลากลางคืน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (4 มิถุนายน 2562) สำนักข่าวไทย รายงานว่า นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลศิริราชได้ปลดป้าย มนุษย์กินคน ออกจากร่างของซีอุยเรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยมีความคิดจะเอาร่างของซีอุยมาจัดแสดงเพื่อเป็นพระเอกของพิพิธภัณฑ์ศิริราช หรือเป็นจุดขาย แต่เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ในอดีตที่เกิดขึ้นมานานแล้ว
โดยทางศิริราช ไม่ขอก้าวล่วงคำตัดสินของศาล เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่จุดประสงค์ของการจัดแสดงในพิพิธิภัณฑ์นั้น ทางโรงพยาบาลศิริราชตั้งใจจะให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องคดีและนิติวิทยาศาสตร์ เพราะในอดีตต้องยอมรับว่า วิวัฒนาการทางการแพทย์ไม่ทันสมัย ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ ไม่มีเครื่องเอ็มอาร์ไอ จึงไม่สามารถรู้ได้ชัดเจนถึงวิถีของกระสุนว่าเข้าตรงไหน อย่างไร ที่ทำให้กะโหลกศีรษะร้าว การจัดแสดงเหล่านี้ จึงเป็นการให้ความรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
อย่างไรก็ตาม นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ในอดีต การนำร่างนักโทษมาศึกษานั้น ก็เพื่อดูถึงความผิดปกติของสมอง บางคนมีเนื้องอก ทำให้มีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไป เพราะในอดีตไม่มีเครื่องมือทันสมัยเหมือนในปัจจุบัน ส่วนสิ่งที่ได้เรียนรู้และเป็นอุทาหรณ์จากบทเรียนของซีอุย อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเตือนไม่ให้เด็ก ๆ ออกจากบ้านในเวลากลางคืน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
