หนุ่มอเมริกันถูกลูกงูหางกระดิ่งกัดนิ้ว คิดว่าชิล ๆ ไม่เป็นไร สุดท้ายนิ้วบวมเป่ง เป็นสีม่วง ปวดแสบปวดร้อนทรมาน เกือบต้องตัดนิ้วทิ้ง พักนิ้วยาว 8 เดือน ใช้การไม่ได้
นิ้วของออสติน 24 ชั่วโมง หลังถูกกัด มีอาการบวมบริเวณปลายนิ้ว ข้าง ๆ เล็บ ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีออกม่วง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2562 เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า
หนุ่มเทนเนสซีที่ชื่อ ออสติน แม็กกี
ต้องพบเจอกับการเจ็บป่วยครั้งใหญ่ที่น่าปวดหัวไม่น้อย
ซึ่งต้องใช้เวลานานในการรักษา โดยเขาถูกลูกงูหางกระดิ่งกัดนิ้ว
แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่สนใจ จนเกิดการอักเสบ นิ้วกลายเป็นสีม่วง
และบวมมาก โป่งพองจนดูเหมือนกับมะเขือม่วง
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะทำให้เขาเข็ดไปอีกนาน
และระมัดระวังตัวมากกว่านี้ เพราะความเจ็บครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
ตอนนั้นโนอาห์คิดว่าเพื่อนคงโดนแมลงกัดต่อย หรืออะไรทำนองนั้น เพราะเขาได้ยินเสียงเบา ๆ หึ่ง ๆ บางอย่าง แต่เสียงไม่ดังมาก ทั้งสองหนุ่มไม่คิดอะไรมาก เพราะถ้าเป็นแมลงกัดต่อย มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร แต่พวกเขาคิดผิด
"สภาพมันแย่มากจริง ๆ ครับ มันแย่ลงเรื่อย ๆ เลย คือมันเอาแต่บวมมากขึ้น ๆ ผิวหนังตรงนั้นก็ขยายใหญ่ มันเจ็บมาก ปวดตุบ ๆ ตามจังหวะหัวใจเต้นเลย" ออสติน กล่าว
ดาลตัน ดอร์ริส เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของออสติน ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์เจ็บปวดของเพื่อนลงบนเฟซบุ๊ก เล่าว่า เขาเชื่อว่าผู้ร้ายในคดีนี้น่าจะเป็นลูกงูหางกระดิ่งทิมเบอร์ ซึ่งพุ่งมากัดออสตินเข้าตอนที่เขาไม่ทันได้สังเกต ซึ่งหลังจากผ่านไป 7 วัน หมอก็ได้เจาะเอาเลือดออกจากนิ้วที่บวมเป่งของออสติน แต่มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น
สภาพนิ้วของออสติน 7 วัน หลังจากถูกงูหางกระดิ่งกัด บวมเป่งเหมือนมะเขือม่วงดี ๆ นี่เอง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
ปรากฏว่าพิษงูหางกระดิ่งได้กินลึกลงไปใต้ผิวหนัง
ทำให้เนื้อกลายเป็นสีดำ หมอต้องเลาะเอาหนังบริเวณรอบ ๆ ออก
ต้องใช้ผ้าก๊อซหุ้มรอบนิ้วเอาไว้ตลอดเวลา และต้องเข้าไปให้หมอดูอาการทุก ๆ 2
วัน รวมทั้งเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ซึ่งกว่าที่นิ้วจะกลับมาเป็นปกติ
ก็ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานถึง 6-8 เดือน
ทั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลาย ๆ คนที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยแล้วไม่พบตัว ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวอะไร หรือต่อให้พบเห็นตัวก็ตาม ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รักษาแก้ไขทัน ดีกว่าปล่อยเอาไว้ เพราะมันอาจจะเป็นหนักมากกว่านี้ก็เป็นได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dalton Dorris