IBM ยักษ์ใหญ่ไอทีสัญชาติอเมริกัน ปลดพนักงาน 0.5 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 1,700 คน เปลี่ยนแปลงก่อนลงทุนครั้งใหญ่ 1.06 ล้านล้านบาท พัฒนาระบบ Cloud
![IBM]( "IBM")
ภาพจาก Laborant / Shutterstock.com
![IBM]( "IBM")
ภาพจาก humphery / Shutterstock.com
วันที่ 7 มิถุนายน 2562 เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี บริษัทไอทียักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ได้ปลดพนักงาน 0.5 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนพนักงานกว่า 320,000 คน หรือประมาณ 1,700 คน ซึ่งเป็นการยืนยันข่าวลือเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นเรื่องจริง
ทางไอบีเอ็มให้เหตุผลในการตัดสินใจดังกล่าวว่า เป็นการปรับเปลี่ยนและสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในทีม พร้อมกับจ้างงานในตำแหน่งใหม่ ๆ ที่สำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการมุ่งไปข้างหน้าในตลาดไอที และตอบรับกับความต้องการของลูกค้า
ก่อนหน้านี้ IBM เคยทำการปลดพนักงานครั้งใหญ่มาแล้วในปี
2559-2560 โดยข้อมูลระบุว่า ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2562 มูลค่าหุ้นของ IBM
เพิ่มขึ้นจากเดิม 16 เปอร์เซ็นต์ แต่ผลประกอบกิจการในไตรมาสแรกของปีนี้
น้อยลงกว่าปีก่อน ๆ 5 เปอร์เซ็นต์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
การปรับโครงสร้างองค์กรล่าสุดที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เนื่องจาก IBM กำลังอยู่ในช่วงการตัดสินใจครั้งใหญ่ นั่นก็คือการซื้อกิจการ Red Hat ยักษ์ใหญ่ในวงการซอฟต์แวร์แบบเปิดเผยซอร์สโค้ด หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (open-source software) ในมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.06 ล้านล้านบาท
แต่เดิม IBM มีธุรกิจการให้บริการ Public Cloud หรือระบบจัดเก็บข้อมูลทางออนไลน์ เป็นของตัวเองอยู่แล้ว การที่ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อ Red Hat นั้นเป็นไปเพื่อพัฒนาระบบของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ทัดเทียมกับผู้ให้บริการเจ้าใหญ่อื่น ๆ ที่กินส่วนแบ่งตลาดมากกว่าอย่างเว็บเซอร์วิสของ Amazon หรือโปรแกรม Azure ของ Microsoft
ในประเด็นนี้ อามิต ธารีนานี และเออร์วิน หลิว นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ให้ความเห็นว่า มันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากสำหรับ IBM เพราะในขณะนี้ หุ้นของ IBM ยังอยู่ในช่วงหมิ่นเหม่ เหล่านักลงทุนยังสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ไม่กระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย จนกว่าสถานการณ์ของ IBM จะชัดเจนกว่านี้ นั่นก็คือหลังจากการซื้อ Red Hat เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ IBM ได้ออกมาตั้งเป้าหมายว่าจะได้กำไรจากมูลค่าหุ้นอย่างน้อย 13.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 436 บาท ต่อ 1 หุ้น ยกเว้นในบางรายการ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 13.81 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 433 บาท ส่วนการเจรจากับ Red Hat นั้น คาดว่า IBM น่าจะสามารถปิดดีลการซื้อ-ขายได้ในครึ่งหลังของปีนี้
ภาพจาก Laborant / Shutterstock.com
ภาพจาก humphery / Shutterstock.com
วันที่ 7 มิถุนายน 2562 เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี บริษัทไอทียักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ได้ปลดพนักงาน 0.5 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนพนักงานกว่า 320,000 คน หรือประมาณ 1,700 คน ซึ่งเป็นการยืนยันข่าวลือเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นเรื่องจริง
ทางไอบีเอ็มให้เหตุผลในการตัดสินใจดังกล่าวว่า เป็นการปรับเปลี่ยนและสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในทีม พร้อมกับจ้างงานในตำแหน่งใหม่ ๆ ที่สำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการมุ่งไปข้างหน้าในตลาดไอที และตอบรับกับความต้องการของลูกค้า
การปรับโครงสร้างองค์กรล่าสุดที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เนื่องจาก IBM กำลังอยู่ในช่วงการตัดสินใจครั้งใหญ่ นั่นก็คือการซื้อกิจการ Red Hat ยักษ์ใหญ่ในวงการซอฟต์แวร์แบบเปิดเผยซอร์สโค้ด หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (open-source software) ในมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.06 ล้านล้านบาท
แต่เดิม IBM มีธุรกิจการให้บริการ Public Cloud หรือระบบจัดเก็บข้อมูลทางออนไลน์ เป็นของตัวเองอยู่แล้ว การที่ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อ Red Hat นั้นเป็นไปเพื่อพัฒนาระบบของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ทัดเทียมกับผู้ให้บริการเจ้าใหญ่อื่น ๆ ที่กินส่วนแบ่งตลาดมากกว่าอย่างเว็บเซอร์วิสของ Amazon หรือโปรแกรม Azure ของ Microsoft
ในประเด็นนี้ อามิต ธารีนานี และเออร์วิน หลิว นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ให้ความเห็นว่า มันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากสำหรับ IBM เพราะในขณะนี้ หุ้นของ IBM ยังอยู่ในช่วงหมิ่นเหม่ เหล่านักลงทุนยังสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ไม่กระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย จนกว่าสถานการณ์ของ IBM จะชัดเจนกว่านี้ นั่นก็คือหลังจากการซื้อ Red Hat เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ IBM ได้ออกมาตั้งเป้าหมายว่าจะได้กำไรจากมูลค่าหุ้นอย่างน้อย 13.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 436 บาท ต่อ 1 หุ้น ยกเว้นในบางรายการ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 13.81 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 433 บาท ส่วนการเจรจากับ Red Hat นั้น คาดว่า IBM น่าจะสามารถปิดดีลการซื้อ-ขายได้ในครึ่งหลังของปีนี้
