ช่อ พรรณิการ์ ถูกขุดภาพสมัยเป็นนิสิต จุฬาฯ พร้อมกับแคปชั่น ไม่ควรมีคำบรรยาย ขออภัยที่ทำให้คนไม่สบายใจ แต่วอนทุกฝ่าย หยุดอ้างสถาบัน เพื่อทำลายล้างศัตรูทางการเมือง
จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการขุดภาพของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นภาพถ่ายร่วมกับเพื่อนนิสิตจุฬาฯ ก่อนเรียนจบ และมีภาพหนึ่งที่มีภาพของในหลวง ร.9 และแคปชั่นสั้น ๆ ว่า "ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย"
ซึ่งต่อมา น.ส.พรรณิการ์ ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich ว่า ภาพนี้เป็นภาพที่ตนถ่ายกับเพื่อนเล่น ๆ ในช่วงที่ตนรับปริญญาที่จุฬาฯ เมื่อปี 2553 และมีการใช้ภาพนี้ เพื่อโจมตีตนและเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ทั้งนี้ เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อช่วงหลังยุครัฐประหาร 2549 ที่มีกระแสการกล่าวหาคนนั้นคนนี้ว่าไม่จงรักภักดี มีการนำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้โจมตีทางการเมือง แบ่งประชาชนให้เป็นฝักเป็นฝ่าย เกิดการล่าแม่มด และหากใครไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร 2549 ก็อาจจะถึงขั้นติดคุกเพราะไม่จงรักภักดี
ตนในฐานะนิสิตที่ศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ ได้เฝ้ามองปรากฏการณ์นี้ด้วยความกังวล และเกิดคำถามมากมาย และมีบางครั้ง สิ่งที่นำมาพูดคุยกันนั้น ก็เพื่อจะสะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย
ตนยอมรับว่าภาพนี้ไม่เหมาะสม
และภาพการประชดล้อเลียนการล่าแม่มดว่าเป็นคนไม่จงรักภักดี
เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และต้องขออภัย หากใครเห็นแล้วเกิดความไม่สบายใจ
แต่สิ่งที่ตนต้องการให้คนตระหนักคือ
การใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายล้างกัน
หรือแอบอ้างสถาบัน เพื่อเป็นข้ออ้างในการกระทำรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม ตนและเพื่อน ๆ ยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และอยากเห็นรัฐสภาที่ยึดโยงกับเสียงของประชาชน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง
"นี่คือ ข้างหลังภาพ ที่บอกว่าไม่ควรมีคำบรรยาย
เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้าง ในยุคสมัยที่วันหนึ่ง อาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี ดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป
ขอร้องเถอะค่ะ ว่าอย่านำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกันทางการเมืองอีกเลย รวมถึงขอร้องให้ผู้ที่ตามขุดคุ้ยเพื่อนของช่อทุกคนในรูป ยุติการกระทำดังกล่าว อย่าให้พวกเขาเดือดร้อนเพียงเพราะเป็นเพื่อนของนักการเมืองคนหนึ่ง
คำขอร้องนี้ไม่ใช่เพื่อตัวช่อเอง แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลายคนมักนำสถานะของสถาบันมารับใช้ตัวเอง เพียงเพื่อหวังทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของตน โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเมืองที่ต้องสูญเสียไป"
ซึ่งต่อมา น.ส.พรรณิการ์ ก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich ว่า ภาพนี้เป็นภาพที่ตนถ่ายกับเพื่อนเล่น ๆ ในช่วงที่ตนรับปริญญาที่จุฬาฯ เมื่อปี 2553 และมีการใช้ภาพนี้ เพื่อโจมตีตนและเชื่อมโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ตนในฐานะนิสิตที่ศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ ได้เฝ้ามองปรากฏการณ์นี้ด้วยความกังวล และเกิดคำถามมากมาย และมีบางครั้ง สิ่งที่นำมาพูดคุยกันนั้น ก็เพื่อจะสะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย
อย่างไรก็ตาม ตนและเพื่อน ๆ ยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และอยากเห็นรัฐสภาที่ยึดโยงกับเสียงของประชาชน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง
"นี่คือ ข้างหลังภาพ ที่บอกว่าไม่ควรมีคำบรรยาย
เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้าง ในยุคสมัยที่วันหนึ่ง อาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี ดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป
ขอร้องเถอะค่ะ ว่าอย่านำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกันทางการเมืองอีกเลย รวมถึงขอร้องให้ผู้ที่ตามขุดคุ้ยเพื่อนของช่อทุกคนในรูป ยุติการกระทำดังกล่าว อย่าให้พวกเขาเดือดร้อนเพียงเพราะเป็นเพื่อนของนักการเมืองคนหนึ่ง
คำขอร้องนี้ไม่ใช่เพื่อตัวช่อเอง แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลายคนมักนำสถานะของสถาบันมารับใช้ตัวเอง เพียงเพื่อหวังทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของตน โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเมืองที่ต้องสูญเสียไป"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich