สุดารัตน์ ยันไม่คิดจะแยกตัวจากพรรค ชี้สถานการณ์การเมืองยังไม่จบ เผย พรรคเพื่อไทย เตรียมเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ เพราะเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า วันแรกที่ตัดสินใจกลับเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยและทำงานการเมือง เพราะสถานการณ์ของพรรคในช่วงนั้นอยู่ในช่วงที่จะต้องมีผู้นำมาทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง หากเปรียบเหมือนบ้านก็เป็นบ้านที่ถูกระเบิดจนหลังคาบ้านพัง ทุกคนจึงต้องหันหลังกลับเข้ามาซ่อมแซมบ้านของตัวเองให้แข็งแกร่ง ส่วนตัวก็ได้ทำเต็มที่ตั้งแต่วันแรกของการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง จนถึงวันสุดท้ายที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ได้เป็นอะไรหรือมีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ก็พร้อมจะเป็นกองเชียร์และสนับสนุน และไม่เคยมีความคิดที่จะแยกตัวออกไปจากพรรคเพื่อไทย
วันที่ 9 มิถุนายน 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า ไม่ได้เป็นเพราะ พล.ต.ท. วิโรจน์
เปาอินทร์ บกพร่อง แต่เพราะเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ
พรรคจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขทางการเมือง ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะประชุมเพื่อเลือกกันใหม่
จากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะต้องทำการเมือง
เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
เพราะเห็นได้จากการเปิดรัฐสภาอภิปรายเลือกนายกรัฐมนตรี
มีประชาชนให้ความสนใจ และแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียมาก
หากเปลี่ยนแล้วทำให้ทุกอย่างดีขึ้นก็ต้องทำ
พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่อยู่ในใจประชาชนและเข้าถึงได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า วันแรกที่ตัดสินใจกลับเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยและทำงานการเมือง เพราะสถานการณ์ของพรรคในช่วงนั้นอยู่ในช่วงที่จะต้องมีผู้นำมาทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง หากเปรียบเหมือนบ้านก็เป็นบ้านที่ถูกระเบิดจนหลังคาบ้านพัง ทุกคนจึงต้องหันหลังกลับเข้ามาซ่อมแซมบ้านของตัวเองให้แข็งแกร่ง ส่วนตัวก็ได้ทำเต็มที่ตั้งแต่วันแรกของการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง จนถึงวันสุดท้ายที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ได้เป็นอะไรหรือมีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ก็พร้อมจะเป็นกองเชียร์และสนับสนุน และไม่เคยมีความคิดที่จะแยกตัวออกไปจากพรรคเพื่อไทย
คุณหญิงสุดารัตน์
ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังมีการต่อรองไม่จบของพรรคร่วมรัฐบาลว่า
ได้ตามข่าวตามสื่อเห็นบางพรรคลงโซเชียล ในทำนองว่าแลกกระทรวงไม่ได้
ซึ่งดูแล้วรัฐบาลที่มีจุดอ่อนเสียงปริ่มน้ำการทำงานก็จะยาก
อีกทั้งมีพรรคร่วมรัฐบาลมากถึง 20 พรรค
ซึ่งจะทำให้การทำงานร่วมกันลำบากมากไปอีก
ขณะเดียวกันพรรคขนาดใหญ่และกลางที่มาจับมือกัน
นโยบายที่เป็นจุดยืนของแต่ละพรรคจะเอายังไง รวมทั้งผลประโยชน์
ต่อรองกระทรวง จนไปถึงผลประโยชน์ต่าง ๆ ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น
ภาพเหล่านี้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น แต่นี่คือภาพการเมืองเมื่อ 30-40
ปีที่แล้ว สิ่งที่เกิดเป็นเพียงหนังตัวอย่าง
และเมื่อทำงานจริงความยากลำบากจะมีให้เห็นมากขึ้น
และคนที่จะเป็นทุกข์ก็คือประชาชน
จึงอยากให้รีบต่อรองกันให้จบเพื่อจะได้มาทำงานให้ประชาชน
ทั้งนี้ ความเหนียวแน่นของ
7 พรรคการเมือง ยังผนึกกำลังเหนียวแน่น
และจะเดินหน้าทำงานตรวจสอบอย่างมีคุณภาพ เป็นฝ่ายค้านที่มีเหตุมีผล
หากทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่มีทุจริต พวกเราก็พร้อมสนับสนุน
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN