อุทาหรณ์ สาวใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดจิ๊มิ หวังให้ประจำเดือนหมดไว ๆ สุดท้ายไปจบที่ รพ.

          สาวใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดช่องคลอด หวังให้ประจำเดือนหมดไว ๆ สุดท้ายไปจบที่โรงพยาบาล ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือนอาจช็อกได้ ห้ามทำเด็ดขาด ชี้ประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติ ไหลเองอะไรเอง ไม่ใช่อยู่ ๆ จะดูดออกมาได้
          ในขณะที่ผู้หญิงกับเรื่องของประจำเดือนเป็นของคู่กัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันนั้นของเดือนมาถึงทีไร ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดสุด ๆ กับความไม่สบายตัวที่เกิดขึ้น อารมณ์เหวี่ยงขึ้น ๆ ลง ๆ แถมยังมีเรื่องชวนรำคาญใจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิว ฮอร์โมน หรือแม้แต่อาการปวดท้องที่สุดจะบรรยาย ทำให้หลายคนพยายามหาหนทางที่จะทำให้ประจำเดือนรอบนั้นหมดไปไว ๆ จะได้หมดเคราะห์กันไปเสียที

          แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะไม่มีสาว ๆ คนไหนที่คิดพิเรนทร์และทำเรื่องเสี่ยงอันตรายได้เท่ากับหญิงสาว 2 คนที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้อีกแล้ว หลังมีรายงานจากเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2562 ว่าพวกเธอเพิ่งจะต้องแอดมิตเข้าโรงพยาบาลกันไป ภายหลังพยายามใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดเอาเลือดประจำเดือนออกจากช่องคลอด


          "สาว ๆ กรุณาหยุดใช้เครื่องดูดฝุ่นมาทำให้ประจำเดือนหมดเร็วขึ้นได้แล้ว สุดท้ายสิ่งที่ถูกดูดจะมีอะไรมากกว่าเลือด !" พยาบาลสาวระบุ พร้อมชี้ว่า เธอไม่รู้ชัดว่ามันเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบรนด์ไหน แต่ที่แน่ ๆ คือประจำเดือนของคุณผู้หญิงนั้นมีการไหลต่อเนื่องด้วยตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งร่างกายสามารถทนรับได้ "แต่แรงดูดจากเครื่องดูดฝุ่นจะทำให้การไหลของเลือดแรงกว่าเดิมเป็นพันเท่า จนร่างกายของพวกเธอทนไม่ไหว และทำให้พวกเธอช็อก"

          ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้สร้างความตื่นตะลึงและเรียกความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก แม้ว่าขณะนี้ทวิตเตอร์ดังกล่าวจะปิดการเข้าถึงจากสาธารณะแล้ว แต่เรื่องการใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดเลือดประจำเดือน ก็ยังคงเป็นหัวข้อที่สร้างความตกใจอย่างมากแก่คนทั่วไป

          ขณะที่ แพทย์หญิงอดีติ กุปตา ผู้ก่อตั้งคลินิก Walk In GYN Care เตือนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความคิดที่ไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง และอาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บหรือการติดเชื้ออย่างรุนแรงในช่องคลอดได้ ประจำเดือนเป็นกระบวนการธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะถูกดูดออกมาได้ ดังนั้นอย่าแม้แต่จะคิดทำเรื่องนี้

          โดยเธอย้ำว่า การดูดเลือดประจำเดือนด้วยเครื่องดูดฝุ่น อาจทำให้เกิดอาการช็อกได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเจอกับเคสแบบนี้ด้วยตัวเอง แต่ก็เคยเห็นคนไข้ที่ช็อกจากสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันมาแล้ว