ศรีสุวรรณ จรรยา ยื่น ป.ป.ช. สอบ ช่อ พรรณิการ์ ปมโพสต์ภาพและข้อความหมิ่นเบื้องสูง ชี้อาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112
แม้จะพยายามชี้แจงกล่าวอ้างว่า เป็นการทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารทางจิตวิทยา หรือที่เรียกกันว่า เพจ IO ให้แก่ คสช. กับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ด้วยการนำภาพที่ถ่ายเล่น ๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2553 มาโจมตีช่ออย่างรุนแรง โดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม
แม้ภาพและข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊กจะเป็นการโพสต์มานานแล้ว
และเมื่อ น.ส.พรรณิการ์ ได้รับการโปรดเกล้าให้เป็น ส.ส.
แต่ข้อความเหล่านั้นไม่ได้ลบทิ้ง
ดังนั้นความผิดจึงยังต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ น.ส.พรรณิการ์ เป็น ส.ส. อยู่
ซึ่งอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112
อีกด้วย ซึ่งมีอัตราโทษค่อนข้างสูง คือ พ้นจากตําแหน่ง
และให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง
และจะเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งมีกําหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้
ภาพจาก ศรีสุวรรณ จรรยา
วันที่ 11 มิถุนายน 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า
ตามที่ปรากฏข้อมูลหลักฐานในโซเชียลมีเดียอย่างมากมาย เกี่ยวกับกรณีของ ช่อ
พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่
ที่ได้โพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊กของตัวเอง
และอาจทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่เชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควร
อันเป็นพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
แม้จะพยายามชี้แจงกล่าวอ้างว่า เป็นการทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารทางจิตวิทยา หรือที่เรียกกันว่า เพจ IO ให้แก่ คสช. กับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ด้วยการนำภาพที่ถ่ายเล่น ๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2553 มาโจมตีช่ออย่างรุนแรง โดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม
ทั้งนี้
เนื่องจากตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 5
และข้อ 6 ในหมวด 1 ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์
บัญญัติข้อห้ามไว้ชัดเจนว่า ส.ส.
ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
และต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการเป็น
ส.ส.
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Pannika_FWP
เพื่อให้กรณีดังกล่าวเป็นข้อยุติ
ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) เพื่อให้ใช้อำนาจตาม ม.87 ประกอบ ม.81
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561
โดยเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Pannika_FWP
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN