x close

เมียอ้างถูกผัวทิ้ง ก่อนลูกพบความจริงสุดช็อก เจอกล่องใส่ศพพ่อซ่อนอยู่ทั่วบ้าน

          เมียอ้างถูกผัวทิ้ง ก่อนลูกพบความจริงสุดช็อก เจอกล่องใส่ศพพ่อซ่อนอยู่ทั่วบ้าน ที่แท้ฝีมือแม่ฆ่าอำพรางศพ ทำเนียนส่งข้อความหาคนอื่น แกล้งทำเป็นสามีที่ตายไป นาน 6 เดือน

เมียอ้างถูกผัวทิ้ง
ภาพจาก Summit County Police

          โฮวาร์ด ยูแบงก์ วัย 54 ปี และ มาร์เซีย วัย 49 ปี คือคู่สามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ในรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ พวกเขาแต่งงานกันในปี 2537 โดยที่ฝ่ายชายมีลูกติดอยู่ 2 คน ซึ่งพวกเขาก็ใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนคู่สามีภรรยาอื่น ๆ แต่แล้วอยู่ ๆ ทุกคนก็ต้องตะลึงงัน เมื่อวันหนึ่งมาร์เซียได้บอกให้ทุกคนรู้ว่า โฮวาร์ดทิ้งเธอไปแล้ว เขาออกจากบ้านไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่น ปิดฉากชีวิตสมรสนาน 23 ปี ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

          ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุใดโฮวาร์ดถึงทิ้งภรรยาไป แม้แต่ลูก ๆ ก็ไม่เคยได้รับคำอธิบายใด ๆ พวกเขาเจ็บปวดและน้อยใจอย่างมากกับการจากไปโดยไม่ลาของพ่อ มีเพียงการส่งข้อความในมือถือและเฟซบุ๊กเป็นพัก ๆ เท่านั้น ที่ทำให้ทุกคนยังรู้ว่าเขามีชีวิตเป็นอย่างไร ไม่มีใครได้ยินเสียงเขาอีก ตลอดระยะเวลา 6 เดือนหลังจากเขาทิ้งครอบครัวไป แม้แต่งานแต่งงานของลูกชายคนเล็ก เขาก็ยังไม่กลับมา

          แต่แล้วในวันหนึ่ง ปรากฏว่า โฮวาร์ด จูเนียร์ ลูกชายคนโตของบ้าน เกิดลืมกุญแจบ้านไว้ แถมตอนนั้นแม่เลี้ยงของเขาก็ไม่อยู่บ้าน ทำให้เขาต้องหาทางปีนเข้าบ้านเอง โดยไม่รู้ว่าในตอนนั้นเขาจะได้พบกับความจริงสุดช็อก ที่จะตอบคำถามปริศนาการหายตัวไปของพ่อได้

          โดยเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2562 เว็บไซต์มิเรอร์ ได้มีรายงานถึงเรื่องนี้ ระบุว่า หลังจากที่โฮวาร์ดหายไปอย่างเงียบ ๆ ในคืนวันที่ 13 มิถุนายน 2560 ก็ไม่มีใครรู้ความเคลื่อนไหวของเขาละเอียดนัก มาร์เซียบอกคนอื่นแค่ว่า สามีทิ้งเธอไปแล้ว พวกเขาจบกันแล้ว โฮวาร์ดกำลังจะไปหางานใหม่ที่รัฐเทกซัส 

          ขณะเดียวกัน ยังพบว่าโฮวาร์ดได้โพสต์ข้อความ ขอให้ทุกคนเลิกพยายามติดต่อเขา เพราะอยากมีเวลาให้ตัวเอง แถมเขายังส่งข้อความไปบอกเจ้านายเก่าว่าป่วยจนไปทำงานไม่ไหว และขอลาออกจากงานอย่างกะทันหัน

          ทุกคนต่างสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ จนกระทั่งวันที่ 9 ธันวาคม ปีเดียวกันนั้น โฮวาร์ด จูเนียร์ ลูกชายคนโต เกิดลืมกุญแจบ้าน เลยต้องหาทางปีนเข้าบ้านด้วยตัวเอง ในตอนนั้นเขาได้ปีนเข้าไปยังส่วนโฮมออฟฟิศของที่บ้าน ซึ่งเมื่อเข้าไปก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติอย่างรุนแรง

          เขาได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมา เมื่อลองหาดูก็เจอต้นตอว่ากลิ่นนี้ออกมาจากกระเป๋าเก็บของที่ทำจากยาง มันมีหนอนและแมลงวันอยู่เต็มกล่องอย่างชวนสยอง ดังนั้น เพื่อจะกำจัดแมลงไม่พึงประสงค์เหล่านี้ โฮวาร์ด จูเนียร์ จึงลากกระเป๋าดังกล่าวออกมาไว้นอกบ้าน ก่อนจะถ่ายรูปส่งไปให้แม่เลี้ยงดู ถามเธอว่าของด้านในคืออะไร

          แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมานั้น ทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อได้เห็นข้อความเหล่านั้น

          "มันเป็นชิ้นส่วนร่างกายของพ่อเธอไง" มาร์เซีย ตอบกลับมา

เมียอ้างถูกผัวทิ้ง

          นอกจากนี้เธอยังบอกเขาอีกว่า มีชิ้นส่วนอื่น ๆ ถูกเก็บไว้ในกล่องที่ห้องใต้ดินด้วย และย้ำว่าเธอเป็นคนลงมือฆ่าสามีเอง ให้ลูกชายโทร. แจ้งตำรวจได้เลย "โทร. หาตำรวจ บอกพวกเขาว่าแม่ฆ่าพ่อเอง และเก็บศพพ่อไว้"

          โฮวาร์ด จูเนียร์ ได้โทร. แจ้งตำรวจทันทีหลังจากนั้น และเขาก็ยอมรับด้วยคำพูดติดอ่าง ซ่อนความช็อกหนักไว้ไม่ได้ว่า "ผมเพิ่งรู้ว่าแม่ฆ่าพ่อของผม และชิ้นส่วนร่างกายของพ่อก็อยู่ในบ้าน"

          เพื่อนบ้านต่างช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นตำรวจนำลังที่ซ่อนศพไว้ออกมานอกบ้าน จากการตรวจพิสูจน์ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าศพดังกล่าวเป็นของโฮวาร์ดที่หายตัวไป โดยเขาตายจากการถูกยิง

          ที่แท้โฮวาร์ดไม่ได้ทิ้งครอบครัวไปไหน แต่เขาถูกฆ่าอำพรางศพโดยฝีมือภรรยาของตัวเอง ทางตำรวจได้เข้าจับกุมมาร์เซียในวันต่อมา ซึ่งเธอยอมรับระหว่างการสอบสวนว่า เธอเป็นคนลงมือฆ่าเขาเอง เพราะเธอกับเขามีปากเสียงกันในโฮมออฟฟิศดังกล่าว จนเธอเกิดความโมโหแล้วคว้าปืนมายิงเขา มาร์เซียยังอ้างว่าเธอคิดจะมอบตัวตั้งแต่แรก แต่หวาดกลัวเกินไปก็เลยเลือกจะซ่อนศพของเขาไว้เอง

          เธออ้างว่าได้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงเครื่องบด มาหั่นและกำจัดศพของเขา เอาไปซ่อนใส่ภาชนะต่าง ๆ ทั่วบ้าน ก่อนจะทำความสะอาดที่เกิดเหตุให้เรียบร้อย เมื่อทางตำรวจถามจี้ถึงเหตุจูงใจ เธอก็บอกว่า สามีใช้ความรุนแรงกับเธอ เธอถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น

          มาร์เซียได้รับอนุญาตให้ประกันตัวออกไป ขณะที่ทางตำรวจได้สืบสวนคดีนี้ต่อ กระทั่งพบรายละเอียดหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า แท้จริงมาร์เซียได้วางแผนฆ่าสามีไว้ล่วงหน้า แถมเธอยังทำมันอย่างเลือดเย็นและเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง โดยพบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุ เธอได้เสิร์ชค้นหา "วิธีการฆ่าคน" "ยาพิษที่ใช้ฆ่า" และ "จะฆ่าคนได้ยังไง" ในระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ เธอก็ยังได้สั่งซื้อน้ำยาที่มีฤทธิ์ย่อยสลายร่างกายมนุษย์ มาจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง

          ยิ่งไปกว่านั้น 4 วันก่อนเกิดเหตุ มาร์เซียก็เพิ่งจะซื้อปืนมา นั่นหมายถึงเธอเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เมื่อฆ่าสามีเสร็จก็สามารถทำการแยกชิ้นส่วน เก็บซ่อนไว้เพื่อค่อย ๆ ทำลายร่างของเขาได้ทีละส่วน แต่แผนทั้งหมดกลับต้องพังทลายลง เมื่อลูกชายของเธอมาพบศพเข้าโดยบังเอิญ

          ที่ทำให้เธอดูไร้หัวใจมากขึ้น คือหลังจากที่ยิงสามีตายเพียงไม่กี่ชั่วโมง มาร์เซียยังออกไปสัมภาษณ์งานนอกบ้าน สะท้อนให้เห็นว่าเธอแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับการลงมือฆ่าในครั้งนี้ ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของเธอ แถมหลังจากนั้นเธอยังแกล้งทำตัวเป็นสามี ส่งข้อความและโพสต์เฟซบุ๊กในนามของเขา ทำเหมือนว่าเขายังมีชีวิตอยู่บนโลก

          ทั้งนี้ หลังจากการสอบสวนที่กินเวลาเป็นปี ในเดือนธันวาคม 2561 มาร์เซียก็ได้ยอมรับสารภาพในความผิดข้อหาฆาตกรรม ดัดแปลงหลักฐาน และการละเมิดศพ กระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มาร์เซียก็ถูกศาลสั่งจำคุก 20 ปี ซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นโทษทัณฑ์ที่หนัก แต่นั่นก็ไม่อาจลบเลือนความเสียใจที่ลูก ๆ ของโฮวาร์ดได้รับได้เลย
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เมียอ้างถูกผัวทิ้ง ก่อนลูกพบความจริงสุดช็อก เจอกล่องใส่ศพพ่อซ่อนอยู่ทั่วบ้าน อัปเดตล่าสุด 17 มิถุนายน 2562 เวลา 14:01:55 25,331 อ่าน
TOP