ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สุดงง แรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช. กลับใจไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ รอดไม่ถูกฟ้องคดีล้มประชุมอาเซียน ยันไม่ได้อิจฉา แต่สังเวชใจ อภินิหารทางกฎหมาย
วันที่ 24 มิถุนายน 2562 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.
ได้โพสต์ข้อความว่า "วันนี้ผมไปที่ศาลจังหวัดพัทยา ทำหน้าที่จำเลยที่ 1
ร่วมกับคุณจตุพร คุณวีระกานต์ นพ.เหวง และคุณอดิศร จำเลยที่ 2-5
ในคดีเกิดเหตุระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552
การชุมนุมคราวนั้นพวกเราเป็นจำเลยในศาลอาญา รัชดา แล้ว
อยู่ในขั้นตอนการนัดสืบพยาน
แต่เจ้าหน้าที่เอาพยานหลักฐานเดิมทั้งหมดมาฟ้องที่พัทยาอีกครั้ง
จึงร้องต่อศาลว่าเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่ ซึ่งต้องรอคำวินิจฉัย
คดีที่พัทยามีผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวนอีกคน คือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ
แรมโบ้อีสาน แต่วันนี้อัยการบอกว่านำตัวบุคคลดังกล่าวมาฟ้องไม่ทัน
คดีจึงขาดอายุความ !??!
ด้วยความสัตย์จริงผมไม่ติดใจหากใครที่เคยต่อสู้กันมาจะหลุดพ้นคดี เพราะพี่น้องผมทั้งแกนนำและมวลชนเป็นกลุ่มคนที่ต้องคดีความ และถูกกระทำสารพัดรูปแบบหนักหนากว่ากลุ่มใด ๆ แต่คำอธิบายว่าขาดอายุความ (ช่วงกลางเดือนเมษายน 2562) เพราะนำตัวมาฟ้องไม่ได้ในคดีนี้ เป็นเรื่องที่ยังเข้าใจยาก ผม คุณวีระกานต์ นพ.เหวง เป็นผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ คุณอดิศร พรรคเพื่อไทย คุณจตุพร เป็นกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ
ส่วนคุณสุภรณ์ ย้ายจากพรรคเพื่อไทย ไปเป็นผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ มีข้อแตกต่างกันทางคดีอย่างไรหรือไม่ เคยมีกระแสข่าวว่าคนบางกลุ่มใช้ประเด็นช่วยเหลือเรื่องคดีความ ชักชวน ส.ส. ให้ย้ายไปอยู่พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ ไม่ทราบว่าคดีที่ผมพูดถึงอยู่มีตื้นลึกหนาบางเกี่ยวข้องอย่างไร สังคมใดที่กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองผลประโยชน์ต่าง ๆ ได้ จะพูดถึงประชาธิปไตยและสันติสุขของประชาชนในมิติไหน ย้ำอีกทีว่า คุณสุภรณ์พ้นคดี ผมไม่อิจฉา ไม่คาใจ เพียงแต่สังเวชใจกับคำว่าอภินิหารทางกฎหมาย และปาฏิหาริย์แห่งหลักนิติธรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Noppakow Kongsuwan ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คดีแกนนำเสื้อแดงบุกพัทยา
ล้อมงานประชุมอาเซียนล็อตสอง แรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช.
ที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ลงแข่ง ส.ส.โคราช เขต 10 แต่สอบตก
ทุกคนโดนสั่งฟ้องหมด แต่คนเดียวที่ไม่โดนคือ แรมโบ้อีสาน
โดยอัยการให้เหตุผลว่า ที่ไม่สั่งฟ้อง
เพราะว่านำตัวบุคคลดังกล่าวมาฟ้องไม่ทัน คดีจึงขาดอายุความ
แปลไทยเป็นไทยคือหาตัวไม่เจอ ไม่ฟ้องแล้วนะ นั่นเอง
สาบานต่อหน้าย่าโมว่า จะเลิกเล่นการเมือง และไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองไปตลอดชีวิต หลังมีการเข้ายึดอำนาจของ คสช. และถูกทหารปรับทัศนคติ และเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 แรมโบ้อีสานได้นำพวงมาลัยดอกดาวเรืองกราบไหว้ย่าโม กล่าวถอนคำสาบาน และประกาศสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมาถึงวันนี้ วันที่คนอื่นโดนฟ้องหมด แต่แรมโบ้ ภายใต้ร่มเงาพลังประชารัฐ เหมือนว่าจะรอดคดีแต่เพียงผู้เดียว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Noppakow Kongsuwan