ศิริราช เผยวัณโรคหลังโพรงจมูก พบได้น้อยไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ เกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย พร้อมแนะวิธีสังเกตตัวเอง


จากกรณีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รายงานผลการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อหลังโพรงจมูกของนางสาวบุตรศรัณย์ ทองชิว หรือน้ำตาล เดอะสตาร์ 5 หลังจากทำการตรวจด้วยวิธี PCR (Polymerase Chain Reaction) คือ การตรวจหา DNA ของเชื้อวัณโรค ได้ผลเป็นบวก (Positive) จึงระบุได้ว่า นางสาวบุตรศรัณย์ มีเชื้อวัณโรคหลังโพรงจมูก ตามที่ได้มีการรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : แพทย์ศิริราช พบแล้ว น้ำตาล เดอะสตาร์ 5 เป็นวัณโรคหลังโพรงจมูก - ใคร ๆ ก็เป็นได้)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2562 ศ. ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ระบุเพิ่มเติมถึงกรณีดังกล่าวว่า จากสถิติของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2560 พบคนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 80,000 คน จากประชากร 69 ล้านคน โดยร้อยละ 83 จะตรวจพบที่ปอด ร้อยละ 17 ตรวจพบนอกปอด สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูกพบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของวัณโรคที่พบนอกปอด อีกทั้งวัณโรคสามารถเป็นได้ตามอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย

สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูก รายงานทางการแพทย์ทั่วโลกพบว่า ผู้ป่วย 1 ใน 3
อาจไม่มีอาการใด ๆ และประมาณร้อยละ 70 มักจะมีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
หรือมีก้อนบริเวณหลังโพรงจมูก การวินิจฉัยวัณโรคหลังโพรงจมูก
จึงมักได้จากการตรวจชิ้นเนื้อที่ก้อนหรือต่อมน้ำเหลือง

สำหรับข้อแนะนำสำหรับประชาชนจากกรณีดังกล่าว ได้แก่
1. อุบัติการณ์ของวัณโรคในประเทศไทย ยังไม่ลดลง สามารถเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และสามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายอวัยวะ
2. ควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี หากพบสิ่งผิดปกติใด ๆ จำต้องสืบค้นจนพบสาเหตุของความผิดปกตินั้น
3. แม้การตรวจร่างกายจะปกติ แต่หากมีอาการผิดปกติระยะเวลาหนึ่ง เช่น น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำ ๆ คลำได้ก้อนผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ