อัยการแจง ไม่ฟ้องเสี่ยเบนซ์ชนรองตี๋ - ภรรยาดับ ในข้อหาฆ่าและพยายามฆ่า เนื่องจากเป็นดุลยพินิจของอัยการเจ้าของคดี - ผบ.ตร. มีความเห็นตรงกัน
ภาพจาก ไทยโพสต์
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ไทยโพสต์ รายงานว่า นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงเกี่ยวกับคดีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของโรงงาน ขับรถเบนซ์สปอร์ตชนกับรถของ พ.ต.ท. จตุพร งามสุวิชชากุล หรือรองตี๋ รอง ผกก. สอบสวน กก. 2 กองบังคับการปราบปราม ที่เดินทางมาพร้อมครอบครัว จน พ.ต.ท. จตุพรเสียชีวิตพร้อมภรรยา ส่วนลูกสาวคนเล็กได้รับบาดเจ็บ แล้วพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ได้ยื่นฟ้องนายสมชายเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในฐานความผิด
1. ขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย
3. ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส
รวมทั้งหมด 3 ข้อหา ว่า สาเหตุที่อัยการสั่งไม่ฟ้องความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ตามที่พนักงานสอบสวน สรุปสำนวนแจ้งข้อหาดังกล่าวมาด้วยนั้น ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ดุลยพินิจในการพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมดที่เป็นอิสระกับอัยการเจ้าของสำนวนและคณะทำงาน คดีนี้ มีอัยการพิเศษฝ่ายร่วมพิจารณาอยู่กับอัยการเจ้าของสำนวนที่รับผิดชอบ และมีคำสั่งฟ้อง 3 ข้อหาดังกล่าว โดยข้อหาที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น ไม่ตัดสิทธิหากญาติผู้เสียหายจะไปยื่นฟ้องเอง
โดยคดีนี้ หลังจากที่อัยการยื่นฟ้องไป 3 ข้อหา ในส่วนข้อหาความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ตามกฎหมายยังต้องส่งให้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทำความเห็นแย้งกลับมาได้ แต่ทาง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ก็เห็นด้วย คือไม่เห็นแย้งกับความเห็นของอัยการ เท่ากับว่าความเห็นเป็นที่สุด ให้ฟ้องตามความเห็นของอัยการ ซึ่งหลังจากอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาล ทางผู้เสียหายได้ขึ้นแถลงในศาลว่าไม่ติดใจเอาความ โดยที่ลูกสาวของ พ.ต.ท.จตุพร โดยผู้รับมอบอำนาจแถลงว่าได้รับแคชเชียร์เช็คจำนวน 45 ล้านบาท เป็นชื่อของลูกสาว พ.ต.ท. จตุพร จริง ซึ่งขณะนี้ ศาลจังหวัดตลิ่งชันที่ได้สอบคำให้การจำเลยแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลพิเคราะห์แล้วจึงเห็นสมควรให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา รอฟังคำพิพากษาวันที่ 31 กรกฎาคม 2562
อ่านรายละเอียดจาก