ปอท. แถลงข่าวดำเนินคดี 13 ผู้ต้องหาแชร์ข่าวเท็จ ตำรวจอยู่เบื้องหลังกระทืบจ่านิว อีก 4 รายยังปฏิเสธเป็นเจ้าของบัญชีอวตาร ล่าสุด ทราบตัวต้นตอคนปล่อยข่าวแล้ว เตรียมจับกุม
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sirawith Seritiwat
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต. ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) พ.ต.อ. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กองกำกับการ 3 บก.ปอท. และ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงการดำเนินคดีกับผู้ที่ส่งต่อข้อความทางโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่า พล.ต.อ. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเสียหาย
พ.ต.อ. ศิริวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากมีการแชร์ข้อความอันเป็นเท็จโดยการกล่าวหาไปยัง รอง ผบ.ตร. ผู้บังคับบัญชาระดับสูงนั้น บก.ปอท. จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่ามีผู้กระทำความผิด จำนวน 13 คน พฤติการณ์คือแชร์ข้อความเท่านั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่มาพบพนักงานสอบสวน 8 คน ส่วนอีก 5 คน จะเดินทางเข้าทราบข้อกล่าวหาภายใน 1 สัปดาห์นี้
พ.ต.อ. ศิริวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากมีการแชร์ข้อความอันเป็นเท็จโดยการกล่าวหาไปยัง รอง ผบ.ตร. ผู้บังคับบัญชาระดับสูงนั้น บก.ปอท. จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่ามีผู้กระทำความผิด จำนวน 13 คน พฤติการณ์คือแชร์ข้อความเท่านั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่มาพบพนักงานสอบสวน 8 คน ส่วนอีก 5 คน จะเดินทางเข้าทราบข้อกล่าวหาภายใน 1 สัปดาห์นี้
นอกจากนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหายังพบว่าใน 13 บัญชีที่กระทำความผิดนั้น มีจำนวน 3-4 บัญชี เป็นบัญชีอวตารหรือบัญชีปลอม ไม่มีการแสดงตัวตน เจ้าหน้าที่จึงสืบขยายผลจนพบตัวจริงว่าเป็นบัญชีของใคร ซึ่งทั้ง 8 คน ให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่าแชร์ข่าวดังกล่าวจริง แต่ไม่ทราบว่าข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมหรือมีที่มาจากไหน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดไม่รู้จักกัน มีภูมิลำเนาทั้ง กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด
โดยผู้ต้องหาแต่ละคน เป็นผู้สนใจในเรื่องการเมืองแบบเดียวกัน จึงได้มีการแชร์ข่าวส่งต่อไปยังเพื่อน ๆ และคนรู้จัก ไม่ใช่ขบวนการ นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติไม่พบว่าทั้ง 13 คนเคยมีประวัติการแชร์ข่าวปลอมหรือมีการร่วมขบวนการแต่อย่างใด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้วว่าใครเป็นต้นตอ ต้นขั้วคอนเทนต์ อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นพบว่ามี 1 คน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแชร์ข่าวปลอมในครั้งนี้มีเพียง 2 ประเด็น คือ แชร์เพียงสร้างผลประโยชน์ สร้างยอดไลก์ ยอดแชร์ให้กับตัวเอง และแชร์เพื่อสร้างความเกลียดชังและความสับสน โดยจะใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือข้าราชการมากล่าวอ้าง กรณีดังกล่าวเป็นการแชร์เพื่อให้เกิดความสับสน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงสามารถดำเนินคดีกับคนที่แชร์ข่าวใส่ร้าย รอง ผบ.ตร. ได้รวดเร็ว แต่คดีจ่านิว ยังล่าช้าจับตัวคนร้ายยังไม่ได้ พ.ต.อ. กฤษณะ กล่าวว่า ขณะนี้คดีของจ่านิว มีความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำไปแล้ว 10 ปาก พร้อมทั้งไล่กล้องวงจรปิด ยอมรับว่าใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง คนร้ายมีความชำนาญใช้ช่วงการจราจรติดขัดในการหลบหนี ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่คดีการจับคนแชร์ข่าว บก.ปอท. มีพยานหลักฐานชัดเจน จึงสามารถดำเนินคดีได้รวดเร็วกว่า