เบื้องหลังคลิปแชร์ว่อน ตำรวจซ้อมผู้ต้องหาคาโรงพัก ผู้กำกับ สน.หลักสอง เผย ผู้ต้องหาเมายา มีการถ่มน้ำลายรดตำรวจ จนตำรวจทนไม่ไหว เข้าไปสหบาทา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เห็บหมา
ในโลกออนไลน์ มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สน.หลักสอง กลุ่มหนึ่ง ที่ทำร้ายผู้ต้องหาที่นั่งมากับรถกระบะตราโล่ของตำรวจ ขณะจอดไว้หน้า สน.หลักสอง
โดยคลิปดังกล่าวมีความยาว 2.49 นาที ผู้โพสต์ระบุว่า มีพลเมืองดีเผยคลิปตำรวจซ้อมผู้ต้องหา ที่ สน. หลักสอง ซึ่งภาพเหตุการณ์จะเห็นชายเสื้อขาวที่ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังไว้ และนั่งอยู่ท้ายกระบะ จากนั้นตำรวจนายหนึ่งเริ่มทำร้ายชายเสื้อขาวด้วยการตบหน้า และตามด้วยตำรวจอีกนาย ใช้อาวุธคล้ายท่อแป๊บสีดำตีที่ขาของชายเสื้อขาวหลายครั้ง
ก่อนที่จะนำชายเสื้อขาวลงจากรถกระบะ และตำรวจอีกนายเดินตรงเข้ามาใช้เข่ากระทุ้งไปที่ท้องของชายเสื้อขาว จากนั้นกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาชายเสื้อขาวเข้าไปด้านในโรงพัก
หลังจากมีการโพสต์เหตุการณ์ดังกล่าวลงในสื่อโซเชียลมีเดีย ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมตั้งคำถามถึงการกระทำดังกล่าวว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เห็บหมา
ล่าสุด พ.ต.อ. อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลหลักสอง
ได้ชี้แจงว่า เหตุการณ์ตำรวจทำร้ายผู้ต้องหาตามที่โซเชียลได้ลงภาพที่ปรากฏนั้น โดยวันที่เกิดเหตุ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากประชาชน
ว่ามีคนเมายาหรือสารเสพติดอาละวาด จุดเกิดเหตุภายในวัดบุญยประดิษฐ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 2
เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุพร้อมกับวิทยุขอกำลังสายตรวจ
20 เพื่อมาช่วยกันจับกุมและนำตัวชายคนดังกล่าวไปสถานีตำรวจ
โดยขณะเข้าจับกุม ผู้ชายตามภาพในคลิปได้ทำการต่อสู้ขัดขืนการจับกุม บวกกับชายคนดังกล่าวเป็นคนรูปร่างใหญ่ จึงจับกุมด้วยความยากลำบาก ในขณะที่นำขึ้นรถมายังสถานีตำรวจ ยังได้ด่าและถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ทนไม่ได้ เพราะชายในคลิปถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก จึงทำให้เกิดภาพเหตุการณ์ในคลิปดังกล่าว และตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายคนดังกล่าวไปดำเนินคดีเสพสารเสพติดแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงมือทำร้ายชายในคลิปดังกล่าวเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องรอผลการสอบสวนต่อไป พร้อมขอยืนยันว่า จะไม่ปกป้องลูกน้องเด็ดขาด