สาวเจ้าของธุรกิจรถรับจ้าง ตกใจเจอใบสั่งส่งถึงบ้าน ทั้งที่ รถจอดอยู่ในโรงจอดรถมานานกว่า 1-2 ปี พบในใบสั่ง แจ้งเลขทะเบียนเดียวกัน แต่คนละจังหวัด แถมสีไม่เหมือนกันอีก
วันที่ 13 กรกฎาคม 2562 ข่าวช่องวัน รายงานว่า น.ส.ศิริกัลยา สุขอุดม อายุ 37 ปี ชาวบ้าน หมู่ 4 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับใบสั่งข้อหาขับขี่รถบรรทุก ไม่ขับรถในช่องทางเดินรถซ้ายสุด หรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทาง ทว่า รถบรรทุกของเธอนั้นจอดอยู่ในโรงจอดรถมานานกว่า 1-2 ปี แล้ว อีกทั้งเอกสารที่แจ้งก็เป็นรถคนละสี คนละจังหวัดอีกด้วย
โดย น.ส.ศิริกัลยา เผยว่า ตนทำธุรกิจรถรับจ้าง จู่ ๆ เมื่อวานนี้ (12 กรกฎาคม) ตนได้รับจดหมายภายในเป็นใบสั่งของ สถานีตำรวจทางหลวง 2 (สระบุรี) กองกำกับการ 1 ซึ่งเนื้อหาทำให้ตนตกใจมาก เนื่องจากระบุว่า ตนทำผิดกฎหมายจราจรข้อหาเป็นผู้ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกโดยสาร ไม่ขับรถในช่องทางเดินรถซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทาง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เวลา 14.00 น. ทั้งที่รถของตนนั้นจอดอยู่ในโรงรถมานาน 1-2 ปีแล้ว
เมื่อดูรายละเอียดทะเบียนรถปรากฏว่า
ในข้อความบันทึกเป็นหมายเลขทะเบียน 71-2760 พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นทะเบียนรถของตน แต่รูปที่แนบคู่มากลับเป็นรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน
71-2760 สระบุรี ซึ่ง ตัวเลขเหมือนกัน แต่คนละหมวดจังหวัด
อีกทั้งรถของตนสีฟ้า ไม่ใช่สีขาวดังในรูป
เบื้องต้น ตนเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นหลักฐานว่าไม่ใช่รถของตัวเอง ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ สถานีตำรวจทางหลวง 2 (สระบุรี) กองกำกับการ 1 เพื่อสอบถามและให้ช่วยแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยตรวจทานข้อมูลให้ละเอียดเรียบร้อยก่อนออกใบสั่ง จะได้ไม่เสียเวลาไปกับเหตุการณ์แบบนี้อีก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
โดย น.ส.ศิริกัลยา เผยว่า ตนทำธุรกิจรถรับจ้าง จู่ ๆ เมื่อวานนี้ (12 กรกฎาคม) ตนได้รับจดหมายภายในเป็นใบสั่งของ สถานีตำรวจทางหลวง 2 (สระบุรี) กองกำกับการ 1 ซึ่งเนื้อหาทำให้ตนตกใจมาก เนื่องจากระบุว่า ตนทำผิดกฎหมายจราจรข้อหาเป็นผู้ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกโดยสาร ไม่ขับรถในช่องทางเดินรถซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทาง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เวลา 14.00 น. ทั้งที่รถของตนนั้นจอดอยู่ในโรงรถมานาน 1-2 ปีแล้ว
เบื้องต้น ตนเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นหลักฐานว่าไม่ใช่รถของตัวเอง ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ สถานีตำรวจทางหลวง 2 (สระบุรี) กองกำกับการ 1 เพื่อสอบถามและให้ช่วยแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยตรวจทานข้อมูลให้ละเอียดเรียบร้อยก่อนออกใบสั่ง จะได้ไม่เสียเวลาไปกับเหตุการณ์แบบนี้อีก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก