ดราม่าพิสูจน์เหล็กไหล 389 ล้าน ชาวบ้านชี้ทำสัญญาดิบดี พิสูจน์ผ่าน แต่นายทุนจะชิ่ง ด้านนายทุนแจง โดนหลอกจะให้การันตี แต่ไม่ยอมขายให้
จากกรณีชาวบ้านจากหลายพื้นที่ได้มารวมตัวกันที่ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 โดยได้นัดหมาย นายบุญญฤทธิ์ ประทุมคำ อายุ 60 ปี นายทุนใหญ่ผู้ร่ำรวยหลายร้อยล้าน และเป็นนายหน้าซื้อ-ขายเหล็กไหลทั่วประเทศ มาซื้อเหล็กไหล มูลค่า 389 ล้านบาท โดยมีการนัดหมายมาทำการทดสอบอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล ก่อนจะตกลงกันไม่ลงตัวนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 14 กรกฎาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า นางศรวิรินทร์ อุปลา เจ้าของเหล็กไหล เผยว่า ได้มีผู้ชักชวนให้ตนร่วมพิสูจน์เหล็กไหล โดยทำสัญญาตกลงกันว่าจะมารับซื้อเหล็กไหล มูลค่า 389 ล้านบาท โดยการพิสูจน์ว่าต้องทำให้ไม้ขีดไฟจุดไม่ติดรวม 11 ก้าน ในระยะเวลา 5 วัน พร้อมกับวางเงินค่าเดินทางให้กับนายทุนที่จะมารับซื้อ 110,000 บาท ทั้งนี้ ในการพิสูจน์ ใช้ไม้ขีดไฟ 1 กล่อง พิสูจน์กับเหล็กไหล 1 อัน และนับเฉพาะจำนวนก้านไม้ขีดที่จุดไฟไม่ติด หากผ่านเกณฑ์ นายทุนก็จะชำระเงินภายใน 2 ชั่วโมง
โดย 5 วัน มีเหล็กไหลที่ผ่านการพิสูจน์ 5 อัน ตามตกลง
นายบุญญฤทธิ์จะจ่ายเงิน 5 ล้านบาท และจะโอนเงินส่วนที่เหลือให้ภายใน 2
ชั่วโมง แต่นายบุญญฤทธิ์กลับจะทดสอบใหม่
หยิบกล่องไม้ขีดไฟที่จดจำนวนก้านที่ผ่านไว้ทิ้งใส่ถ้วยน้ำ
ทำให้พวกตนไม่พอใจและนำตัวไปโรงพัก เรียกค่าเสียเวลารวม 3 แสนบาท โดยนายบุญญฤทธิ์ชดใช้มาก่อน 1 แสน และนัดคืนอีก 2 แสน ในวันที่ 16 กรกฎาคม
ซึ่งเหตุที่นำมาตีแผ่เพราะไม่อยากให้นายบุญญฤทธิ์ไปหลอกใครอีก
เชื่อว่าการซื้อ-ขายเหล็กไหลไม่มีจริง ตนถือหล็กไหลมากว่า 20 ปี
ไม่เคยขายเหล็กไหลได้จริงสักครั้ง
ทั้งนี้ ขณะลงพื้นที่
นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ขอพิสูจน์เหล็กไหล
โดยอธิษฐานให้ไม้ขีดจุดไม่ติดครึ่งกล่อง คือ 20 ก้าน ปรากฏว่า
หลังจากจุดไม้ขีดจนหมดกล่อง นับได้ 20 ก้าน ซึ่งตรงตามที่ขอไว้
โดยที่ทีมข่าวไม่ได้บอกคำอธิษฐานกับเจ้าของเหล็กไหลก่อนล่วงหน้า
ด้าน นายบุญญฤทธิ์ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า วันที่มีการทดสอบ
มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมีการปรับเปลี่ยนวิธีการพิสูจน์ตลอดเวลา
ต้องการที่จะทำให้การทดสอบนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
ที่ผ่านมาตนศึกษามาจากตำราและได้มีโอกาสสัมผัสกับเหล็กไหล
จึงรู้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง
ตนมารู้ว่าครั้งนี้เป็นการจะหลอกให้ช่วยยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของเหล็กไหล
แต่ไม่ได้จะมีการขายให้ ส่วนที่ขึ้นโรงพักไม่ได้โดนแจ้งข้อหา
แต่ที่ถอดสร้อยให้ชาวบ้านเพราะชาวบ้านต้องเสียเงินออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ตน จึงได้มอบเป็นสินน้ำใจแลกเปลี่ยนคืนกลับไปเท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการทุบโต๊ะข่าว