ญาติร้องเรียนโรงพยาบาล พ่อถูกงูเห่ากัด แต่รักษาช้า ไม่ฉีดเซรุ่มให้ตั้งแต่แรก อ้างไม่มีอาการบ่งชี้ สุดท้ายแผลเน่า สมองตาย หมอให้ทำใจว่าคงไม่รอด
นางสุพิศ ทองแท้ อายุ 49 ปี ลูกสาวของนายจำรัส เล่าว่า พ่อถูกงูเห่ากัดบริเวณข้อเท้าข้างขวา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 โดยในตอนเกิดเหตุ พ่อออกไปเก็บมะนาวข้างบ้าน ก่อนจะถูกงูเห่าตัวเขื่อง ขนาดลำตัวใหญ่ประมาณหลอดไฟนีออน พุ่งเข้ามากัดบริเวณตาตุ่มด้านขวา
แพทย์ได้ล้างแผล ให้ยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดให้กับพ่อ ก่อนจะให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ตนได้สอบถามแพทย์และพยาบาลไปว่าทำไมถึงไม่ฉีดเซรุ่มแก้พิษงูให้ ซึ่งก็ได้คำตอบกลับมาว่า ผู้ป่วยไม่มีอาการบ่งชี้ว่าโดนงูกัด ไม่มีอาการง่วงซึม หรือตาเบลอ
ต่อมาในวันที่ 4 กรกฎาคม อาการของนายจำรัสก็ทรุดหนัก บาดแผลเปื่อย และเริ่มมีเนื้อตายบริเวณรอบบาดแผล แพทย์จึงเบิกเซรุ่มแก้พิษงูมาฉีดให้ ก่อนทำเรื่องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ตรังในวันนั้น
กระทั่งวันที่ 15 กรกฎาคม นายจำรัสไม่รู้สึกตัวแล้ว แพทย์ระบุว่ามีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อในสมอง ปอดติดเชื้อ สมองเริ่มตายไปบางส่วน และกำลังจะเข้าสู่ภาวะไตวาย แพทย์ได้นำตัวนายจำรัสเข้าห้องไอซียู พร้อมแจ้งให้ครอบครัวทำใจ เพราะนายจำรัสอาจไม่รอดชีวิต เนื่องจากนายจำรัสอาการทรุดหนักมาก อีกทั้งมีอาการดื้อยา ให้ยาไปแล้วไม่ตอบสนอง
1. ต้องการให้โรงพยาบาลรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่ยอมฉีดเซรุ่มให้ตั้งแต่ต้น
2. โรงพยาบาลให้บริการไม่เสมอภาคกัน
3. อยากให้โรงพยาบาลชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน ว่าเพราะเหตุใดถึงไม่มีการฉีดเซรุ่มให้ และอยากให้ชี้แจงวิธีการรักษาด้วย
จนตอนนี้ทางแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ตรังมาบอกว่าพ่อจะไม่รอดแล้ว ซึ่งตนและครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก