นายกฯ สั่งช่วยภัยแล้ง - สุดารัตน์ ชี้แค่นี้ไม่พอ พร้อมแนะ 3 มาตรการเร่งด่วน

          พล.อ. ประยุทธ์ สั่งการแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้ง ชี้ต้องทำเร่งด่วน ด้าน สุดารัตน์ ชี้ยังไม่เพียงพอ แนะวิธีแก้ไข 3 มาตรการเร่งด่วน พร้อมวอนหยุดโกหกประชาชน ว่ายังมีน้ำเหลืออยู่


          เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2562 มีรายงานว่า พ.อ. พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความกังวลถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่ขยายตัวกว้าง อันเนื่องมาจากฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้น้ำไหลลงเขื่อนต่าง ๆ ต่ำกว่าเกณฑ์ เฉลี่ยร้อยละ 50 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่

          จึงได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งลงพื้นที่สำรวจ ให้การช่วยเหลือเร่งด่วนกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมไปถึงน้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

          พล.อ. ประยุทธ์ ย้ำให้หน่วยทหารในพื้นที่บูรณาการทำงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือช่าง ยานพาหนะและรถบรรทุกน้ำ เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มและน้ำบริโภคให้ทั่วถึง ให้เพียงพอแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

          พร้อมทั้งสั่งการให้กองทัพอากาศประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนอากาศยานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ออกปฏิบัติการทำฝนเทียมช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยงต่อเนื่องกันไป โดยเฉพาะพื้นที่เหนือเขื่อนและพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว


          เกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งดังกล่าว ล่าสุด (21 กรกฎาคม 2562) เฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ตนและทีมงานพรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่ภัยแล้งในหลายจังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคกลาง พบว่าพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก น้ำในคูคลองแห้งขอด ข้าวในนาเหี่ยวเฉาและยืนต้นตาย ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ชาวนาที่หว่านข้าวก็ต้องไถกลบทิ้ง สวนลำไยก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาภัยแล้งมาหลายเดือนแล้ว

          คุณหญิงสุดารัตน์ได้วิจารณ์มาตรการแก้ไขปัญหาของ พล.อ. ประยุทธ์ ชี้ว่า ยังคงเป็นมาตรที่ยังไม่มีความเป็นรูปธรรมเพียงพอที่จะแก้ปัญหาภัยแล้ง และช่วยเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งทั่วประเทศได้ และตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลพูดความจริงเพื่อลดความเสียหายของประชาชน อยากให้ชี้แจงว่าเหลือน้ำอยู่เท่าไหร่ เพราะน้ำในเขื่อนแทบทุกแห่งมีน้ำเพียงพอแค่การใช้อุปโภคบริโภคเท่านั้น ไม่ได้เหลือเพียงพอสำหรับทำการเกษตร

          เมื่อรัฐบาลไม่พูดความจริงตั้งแต่ต้น พี่น้องเกษตรกรก็กู้หนี้ยืมสินมาทำการเกษตร เพราะหวังว่าจะมีน้ำ อีกทั้งยังหวังว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาภัยแล้งได้สำเร็จ แต่สถานการณ์ในวันนี้ เวลานี้ ต้องบอกว่ารัฐบาลบริหารวิกฤตได้ไม่ทันต่อความทุกข์ของพี่น้องประชาชน ความเสียหายกำลังขยายเป็นวงกว้างทั่วทั้งประเทศ ตนจึงขอเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้ง 3 ประการ ดังนี้ และขอให้ทำทันที


          1. ทำฝนหลวงโดยเร่งด่วน ไม่ใช่แค่ทำฝนหลวงเฉพาะบริเวณเหนือเขื่อนเท่านั้น แต่ต้องทำฝนหลวง กระจายและครอบคลุมในพื้นที่ภัยแล้งให้ได้

          2. ประกาศให้พื้นที่ที่เผชิญวิกฤตภัยแล้งหนักหน่วง ชนิดไม่มีน้ำเพื่อทำการเกษตร เป็นพื้นที่ภัยพิบัติทันที ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 พร้อมสรุปข้อมูลให้เห็นถึงจำนวนครัวเรือนที่ประสบภัย ข้อมูลพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทั้งหมด

          3. เร่งรัดจ่ายเงินชดเชยให้พี่น้องเกษตรกรทันที เพื่อช่วยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันพี่น้องเกษตรกรก็จะได้วางแผนเพื่อประกอบอาชีพอื่น ๆ แทนในเวลาที่เหลือของปีนี้

          คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ประชาชนฝากความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะแสดงฝีมือแก้วิกฤตภัยแล้ง แต่จนถึงนาทีนี้ ตนชักไม่มั่นใจ และภาพพี่น้องประชาชนปิดถนน ประท้วงภัยแล้ง ช่วยสะท้อนภาพการทำงานได้ดี

          ก่อนขึ้นแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ ตนอยากขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีใหม่ ให้แก้ปัญหาเร่งด่วน การจะอ้างเหตุว่าเพิ่งเป็นรัฐบาลมา 5 วัน เลยแก้ปัญหาได้ล่าช้า ก็คงไม่ได้ เพราะหลาย ๆ คน ทั้งนายกฯ และ ครม. ก็หน้าเดิมกับเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา และปัญหาภัยแล้งก็ไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการวางแผนเพื่อแก้ไขอย่างเป็นระบบมาก่อน