เปิดภาพนาทีสุดท้ายจากห้องนักบิน ก่อน แอร์นิวกินี พุ่งเลยรันเวย์ ดิ่งลงทะเล

 

              เปิดภาพนาทีสุดท้ายจากห้องนักบิน ก่อน แอร์นิวกินี พุ่งเลยรันเวย์ ดิ่งลงทะเล พบมีการแจ้งเตือน บินระดับต่ำเกินไป แต่นักบินไม่ได้ใส่ใจ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป

         ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2561 หลายคนอาจะยังจดจำกันได้ สำหรับกรณี เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินแอร์นิวกินี (Air Niugini) ประสบอุบัติเหตุขณะลงจอดที่สนามบินในรัฐชุก เขตสหพันธรัฐไมโครนีเซีย หมู่เกาะในทะเลแปซิฟิก ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ โดยเกิดความผิดพลาดขณะแลนดิ้งทำให้เครื่องบินพุ่งเลยลานจอด ไปตกลงทะเลสาบน้ำเค็ม เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

         ล่าสุด (19 กรกฎาคม 2562) เว็บไซต์ ladbible.com รายงานว่า หลังจากเวลาผ่านไปนานหลายเดือน ทางคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของปาปัวนิวกินี (PNG AIC) ก็ได้ออกมาเผยวิดีโอบันทึกภาพจากห้องนักบิน ของเครื่องโบอิ้ง 737-800 ที่เกิดเหตุ แสดงให้เห็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เครื่องจะพุ่งตกไปยังทะเลน้ำเค็ม

         โดยจากคลิปสะท้อนให้เห็นว่าทั้งกัปตันและนักบินผู้ช่วย ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงแจ้งเตือนจากระบบแจ้งเตือนเครื่องบินที่อยู่ระดับใกล้พื้น ที่ส่งเสียงเตือนว่าเครื่องบินอยู่ในระดับต่ำเกินไปถึง 17 ครั้ง จึงมิได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อนำเครื่องบินกลับมาสู่ระดับที่ถูกต้อง กว่าที่นักบินผู้ช่วยจะรู้ตัวว่าพวกเขาบินต่ำเกินไป ก็เป็นเพียงช่วงเวลาก่อนเครื่องกระแทกลงน้ำ
         ผลการสอบสวน พบว่านักบินทั้ง 2 คน ไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ รวมถึงไม่ตระหนักถึงสภาพความไม่ปลอดภัยหลังบินผ่านจุดสุดท้ายในการลงจอดไป โดยในช่วงเกิดเหตุนั้นสภาพอากาศเลวร้ายและมีฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการสอบสวนจะระบุชัดว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นความผิดของนักบิน แต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อนักบิน ระบุเพียง กัปตันเป็นคนสัญชาติปาปัวนิวกินี วัย 52 ปี ที่มีประสบการณ์บินกว่า 20,000 ชั่วโมง ขณะที่นักบินผู้ช่วยเป็นชาวออสเตรเลีย วัย 35 ปี

         ทั้งนี้ เครื่องบินลำที่เกิดเหตุมีผู้โดยสารและลูกเรือ รวม 47 ชีวิต โดยพบว่าส่วนมากรอดปลอดภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 6 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นผู้โดยสารที่ชุดดำน้ำเพิ่งพบศพของเขาติดอยู่ในซากเครื่องบิน หลังเกิดเหตุ 3 วัน สภาพได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและศีรษะ