เพื่อนเผยเด็กปั๊มแจ้งลางาน 7 วัน ในเดือนสิงหาคม เพื่อเดินทางไปหาลูกที่เขมร หลังเพิ่งคลอด 7-8 เดือน ด้านแม่ผู้ต้องหา เผยลูกเป็นคนดี ไม่รู้เป็นหนี้พนันบอล
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จับกุมตัวนายทศวรรษ จูมแก้ว หรือ ฟลุค อายุ 20 ปี ได้แล้ว ซึ่งเป็นผู้ต้องหายิง นายโมโรด อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา เด็กปั๊มเสียชีวิต เพื่อชิงเงินประมาณ 3,000 กว่าบาท ไปใช้หนี้พนันบอล ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : จับแล้ว ฟลุค ลูกตำรวจยิงเด็กปั๊มตาย เอาปืนพ่อมายิง หาเงินใช้หนี้พนันบอล วอนอโหสิ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (28 กรกฎาคม 2562)
รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายชัยณรงค์ บุญแต่ง พนักงานปั๊ม เปิดเผยว่า นายโมโรด เป็นคนดี ขยันทำงาน ไม่เคยมีเรื่องทะเลากับใคร ตอนกลางวันจะขับรถส่งแก๊ส ส่วนตอนกลางคืนจะมาทำงานที่ปั๊ม คืนวันเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้แลกกะแทนภรรยา แต่เป็นการทำงานปกติ เพราะภรรยาได้กลับประเทศไปคลอดลูกได้ 8 เดือนแล้ว ซึ่งช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาเปลี่ยว ไม่มีคนมาก ประกอบกับที่ปั๊มก็มีพนักงานแค่คนเดียวด้วย
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ปกติเด็กปั๊มจะมีเงินติดตัวสำหรับทอน เป็นเงิน 2,000 บาท ในวันเกิดเหตุ ในกระเป๋ามีเงินประมาณ 4,000 รวมจากเงินของลูกค้า หลังเกิดเรื่องตนเองไม่กล้าจะรับกะกลางคืน เพราะกลัว คืนวันเกิดเหตุถือว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะกว่าจะมีคนมาเจอศพก็ตอนเช้า แสดงว่าทั้งคืนไม่มีลูกค้าเลย
ด้าน แม่ของนายชัยณรงค์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตอนนี้ครอบครัวทุกคนเสียใจ
เพราะมีลูกคนเดียว ปกติลูกชายเป็นคนดี ไม่เคยมีประวัติเสียหาย
ไม่มีพฤติกรรมเกเร ซึ่งลูกไม่เคยเล่าเรื่องติดหนี้ให้ฟัง
วันเกิดเหตุลูกกลับมาบ้านก็ไม่มีทีท่าว่าไปก่อเหตุอะไรมา จนมานอนดูทีวี
และมีตำรวจเข้ามาคุมตัว
ทั้งนี้ ปืนที่ลูกใช้ก่อเหตุคือของพ่อที่เป็นตำรวจ ตนเองไม่รู้ว่าลูกหยิบไปตอนไหน ซึ่งตอนนี้สามีบวชอยู่
ขณะที่
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า
นายโมโรด ผู้เสียชีวิตได้มีการแจ้งขอลางาน 7 วัน ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
เพื่อต้องการจะกลับบ้านไปเยี่ยมลูกที่เพิ่งคลอดได้ประมาณ 7-8 เดือน
ที่ประเทศกัมพูชา
เบื้องต้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยผู้ต้องหาได้จุดธูปขอขมา อ้างว่าตอนนั้นเป็นอารมณ์ชั่ววูบ คิดอะไรไม่ออก
และมีความจำเป็นต้องใช้เงิน
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์
พกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก