รุ่นพี่ ม. ดัง เจอคุณแม่แหกกลางวงไลน์กลุ่ม จี้ถามระเบียบที่บังคับน้องปี 1 ใส่กระโปรงเอ รองเท้าคัตชู เป็นกฎข้อไหนของกฎมหาวิทยาลัย ได้รับอนุญาตจากใคร พร้อมแนบหลักฐานประกอบเพียบ ทำเอารุ่นพี่ไปไม่ถูก สุดท้ายบล็อกคุณแม่ออกจากกลุ่ม
โดยคุณแม่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ท่านหนึ่ง ได้เปิดประเด็นถามรุ่นพี่เกี่ยวกับระเบียบต่าง ๆ ที่รุ่นพี่ตั้งขึ้นมาให้น้อง ๆ ทำตาม โดยเฉพาะเรื่องการลงระเบียบ 1 เดือน ให้เด็กปี 1 ใส่รองเท้าคัตชู กระโปรงทรงเอ ซึ่งคุณแม่ได้หยิบยกเอกสารระเบียบข้อบังคับของมหาวิทยาลัย พร้อมขีดเส้นใต้เน้นข้อความระเบียบการแต่งกายที่ไม่พบว่าบังคับให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ใส่กระโปรงทรงเอ ระบุเพียงว่า ใช้กระโปรงสีดำหรือสีกรมท่า ส่วนเรื่องรองเท้าระบุให้ใส่รองเท้าหุ้มส้น สีดำหรือสีขาว แต่รุ่นพี่กลับบังคับให้ลูกสาวใส่รองเท้าคัตชูสีดำ คุณแม่จึงย้อนถามรุ่นพี่ว่า การบังคับรุ่นน้องปี 1 ดังกล่าว เป็นระเบียบข้อไหนของมหาวิทยาลัย และอาจารย์คนไหนบังคับให้ทำ
ซึ่งรุ่นพี่บอกว่าเป็นการฝึกระเบียบวินัยน้อง ๆ
เพื่ออนาคตในการทำงานที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ
ต่อมาคุณแม่ก็ถามอีกว่าการกระทำต่าง ๆ ของรุ่นพี่ได้รับอนุญาตจากใคร
มีลายเซ็นอาจารย์ ลายเซ็นอธิการบดีหรือไม่
อีกทั้งลูกสาวยังบอกว่ารุ่นพี่สอนให้น้อง ๆ แต่งกายถูกระเบียบ
แต่รุ่นพี่ก็ยังแต่งกายผิดระเบียบอยู่เลย เวลารุ่นพี่พูดก็ห้ามมองหน้า
ต่อมามีน้องปี 1 หลายคนออกมาบอกว่าเต็มใจทำ
บอกว่าระเบียบที่รุ่นพี่ตั้งขึ้นมานั้นไม่ได้หนักหนาอะไร
พวกตนต่างเต็มใจทำ และเมื่อรุ่นพี่ถามก็ไม่มีใครกล้าขัด
แต่คุณแม่ก็แย้งว่า น้องปี 1 อยู่ในจุดที่ไม่สามารถแย้งได้
ก่อนที่รุ่นพี่จะถามน้องว่าแย้งได้หรือไม่ได้
ต้องทบทวนคำถามของตัวเองก่อนว่าเหมาะสมให้แย้งได้หรือไม่
หรือเป็นคำถามปลายปิด หากแย้งแล้วจะถูกถามว่าทำไมทำไม่ได้ คนอื่นเขาก็ทำได้
และถูกกดดันสารพัดจากรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน
ทั้งนี้ คุณแม่ยังจี้ถามว่าระเบียบต่าง ๆ ของรุ่นพี่ใครอนุญาตให้ใช้กับน้อง ๆ ปี 1 หากไม่ตอบจะเข้าพบอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเพื่อหาคำตอบ ซึ่งก็ไม่มีรุ่นพี่คนไหนตอบคำถามคุณแม่ได้เลย มีแต่ให้เบอร์โทรศัพท์มา แต่คุณแม่ยืนยันว่าอยากทราบว่าอาจารย์คนไหน เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่บอกว่าอนุญาตให้ลงระเบียบน้องนั้นอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีใครให้คุณแม่ได้ มีแต่ให้โบรชัวร์เรื่องการแต่งกาย ก่อนที่คุณแม่จะพิมพ์มาอีกยาวเหยียด บอกว่าเรื่องการลงระเบียบไม่ใช่หน้าที่พี่ที่ต้องมาสอน เพราะคุณแม่ก็สอนลูกคุณแม่ และการบอกว่าห้ามมองหน้า ให้รุ่นพี่ทำตาขมึงใส่น้อง กลับเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับการพูดว่าฝึกวินัย เพื่อที่จะเตรียมพร้อมในการออกไปทำงาน เพราะการทำงานในด้านสาธารณสุขนั้น เจ้าหน้าที่ต้องยิ้มแย้ม เวลาพูดต้องสบตา Eye Contact สำคัญ และรุ่นพี่เองก็ไม่เคยทำงานด้านนี้ จะมาพูดว่าฝึกการทำงานได้อย่างไร
ภาพจาก farham wama
วันที่ 29 กรกฎาคม 2562
ชาวเน็ตต่างสนใจและพากันแชร์โพสต์ของเฟซบุ๊ก
รับน้องสร้างสรรค์ระดับโคตรมหากาฬ ซึ่งเป็นภาพแคปหน้าจอบทสนทนาของกลุ่มไลน์นักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่มกว่า 260 คน
โดยคุณแม่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ท่านหนึ่ง ได้เปิดประเด็นถามรุ่นพี่เกี่ยวกับระเบียบต่าง ๆ ที่รุ่นพี่ตั้งขึ้นมาให้น้อง ๆ ทำตาม โดยเฉพาะเรื่องการลงระเบียบ 1 เดือน ให้เด็กปี 1 ใส่รองเท้าคัตชู กระโปรงทรงเอ ซึ่งคุณแม่ได้หยิบยกเอกสารระเบียบข้อบังคับของมหาวิทยาลัย พร้อมขีดเส้นใต้เน้นข้อความระเบียบการแต่งกายที่ไม่พบว่าบังคับให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ใส่กระโปรงทรงเอ ระบุเพียงว่า ใช้กระโปรงสีดำหรือสีกรมท่า ส่วนเรื่องรองเท้าระบุให้ใส่รองเท้าหุ้มส้น สีดำหรือสีขาว แต่รุ่นพี่กลับบังคับให้ลูกสาวใส่รองเท้าคัตชูสีดำ คุณแม่จึงย้อนถามรุ่นพี่ว่า การบังคับรุ่นน้องปี 1 ดังกล่าว เป็นระเบียบข้อไหนของมหาวิทยาลัย และอาจารย์คนไหนบังคับให้ทำ
ทั้งนี้ คุณแม่ยังจี้ถามว่าระเบียบต่าง ๆ ของรุ่นพี่ใครอนุญาตให้ใช้กับน้อง ๆ ปี 1 หากไม่ตอบจะเข้าพบอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเพื่อหาคำตอบ ซึ่งก็ไม่มีรุ่นพี่คนไหนตอบคำถามคุณแม่ได้เลย มีแต่ให้เบอร์โทรศัพท์มา แต่คุณแม่ยืนยันว่าอยากทราบว่าอาจารย์คนไหน เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่บอกว่าอนุญาตให้ลงระเบียบน้องนั้นอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีใครให้คุณแม่ได้ มีแต่ให้โบรชัวร์เรื่องการแต่งกาย ก่อนที่คุณแม่จะพิมพ์มาอีกยาวเหยียด บอกว่าเรื่องการลงระเบียบไม่ใช่หน้าที่พี่ที่ต้องมาสอน เพราะคุณแม่ก็สอนลูกคุณแม่ และการบอกว่าห้ามมองหน้า ให้รุ่นพี่ทำตาขมึงใส่น้อง กลับเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับการพูดว่าฝึกวินัย เพื่อที่จะเตรียมพร้อมในการออกไปทำงาน เพราะการทำงานในด้านสาธารณสุขนั้น เจ้าหน้าที่ต้องยิ้มแย้ม เวลาพูดต้องสบตา Eye Contact สำคัญ และรุ่นพี่เองก็ไม่เคยทำงานด้านนี้ จะมาพูดว่าฝึกการทำงานได้อย่างไร
นอกจากนี้ คุณแม่ยังส่งไฟล์ระเบียบมหาวิทยาลัย ยูนิฟอร์มของนักศึกษา
และการรับน้อง มาในกลุ่มไลน์ และฝากให้รุ่นพี่ทบทวนมารยาทของตัวเอง
เพราะกระทั่งคุณแม่พูด รุ่นพี่ยังไม่เชื่อ
แล้วรุ่นพี่จะไปบอกรุ่นน้องได้อย่างไร มันขัดแย้งกัน
จนกระทั่งคุณแม่คนดังกล่าวถูกสมาชิกคนหนึ่งลบออกจากกลุ่ม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก