ผู้เช่าโวย ! เจ้าอาวาสวัดดังตั้งหลานยศ พ.ต.ท. ดูสัมปทานตึกแถว ขึ้นค่าเช่ากว่า 10 เท่า

 

          ผู้เช่าสุดทน ร้องสื่อ หลังเจ้าอาวาสวัดดัง จ.ชลบุรี ตั้งหลาน ยศ พ.ต.ท. เข้ามาดูแลสัมปทานตึกแถว ก่อนเปลี่ยนสัญญาปรับราคาเช่าสูงขึ้นกว่า 10 เท่า จาก 500 บาท เป็น 5,000 บาท แถมต้องจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะอีกนับล้าน

          เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการเช่าอาคารพาณิชย์ ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี ที่มีการทำสัญญาเช่าอาคารจากวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากค่าเช่าอัตราใหม่ ที่ทางวัดทำสัญญามอบสิทธิ์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ที่มีผู้บริหารเป็นเครือญาติกับเจ้าอาวาสเข้าบริหารดูแล

         โดยผู้เช่ารายหนึ่งได้ให้ข้อมูลว่า เดิมพวกตนเช่าอาคารกับบริษัทแห่งหนึ่งที่ได้รับสัมปทานจากวัดมานานหลายสิบปี โดยทำสัญญาคิดค่าเช่าคูหาละ 600-1,200 บาทต่อเดือน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา แต่หลังจากที่บริษัทเดิมหมดสัญญาเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ได้มีบริษัทใหม่เข้ามารับช่วงต่อ

          บริษัทใหม่ได้ทำสัญญาผ่านกรรมการของวัดรายหนึ่งเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ซึ่งเป็นหลานของเจ้าอาวาส และมีคณะกรรมการเป็นเครือญาติกันทั้งหมด โดยกำหนดราคาเช่าใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า จาก 500 บาท เป็น 5,000 บาท ซ้ำยังมีค่าแป๊ะเจี๊ยะ หรือที่เรียกว่า ค่าสิทธิการเช่า สูงหลักล้านบาท ทำให้ผู้เช่าได้รับความเดือดร้อนและเสียหายในการประกอบธุรกิจ

         บรรดาผู้เช่า เผยว่า มีความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะการทำสัญญาปล่อยเช่า ให้บริษัทที่เป็นเครือญาติของเจ้าอาวาสมาควบคุมดูแล เก็บอัตราค่าเช่าที่แพงเกินสมควรคูหาละ 3,000-10,000 บาทต่อเดือน โดยบริษัทดังกล่าวจะเก็บค่าเช่าจากผู้ประกอบการในอัตราที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับธุรกิจของห้างร้านนั้น ๆ แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็จำต้องยอมทำสัญญาตกลงค่าเช่าในอัตราสูง เพราะกลัวจะไร้ที่ทำกิน บางรายทนจ่ายค่าเช่าไม่ไหวยอมไม่ต่อสัญญา บางร้านต้องหาคนมาเช่าต่อ ขณะที่บางส่วนก็ประกาศว่าจะไม่ยอมจ่ายค่าเช่าจนกว่าจะได้ความชัดเจนว่าเงินที่จ่ายเพิ่มมานั้น เป็นประโยชน์กับทางวัดหรือไม่
        


        อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ตำรวจยศ พ.ต.ท. ที่กลุ่มผู้เช่าระบุว่าเป็นหลานของเจ้าอาวาส ได้ระบุว่า ข้อมูลที่กลุ่มผู้เช่าอาคารให้ข่าวไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาใส่ร้ายให้วัดเสื่อมเสีย ส่วนเงินค่าเช่าที่เก็บคูหาละ 3,000 บาท ต่อเดือนนั้น เป็นเงินที่เก็บให้วัดโดยตรง เงินเข้าวัดทุกบาท และยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะเป็นล้าน มีเพียงค่าแป๊ะเจี๊ยะแค่หลักแสนบาทที่ผู้เช่าจ่ายให้กับทางวัด

        ส่วนคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ตั้งขึ้นมารับช่วงต่อ ยืนยันไม่ใช่เครือญาติของเจ้าอาวาสตามที่กล่าวอ้าง ทั้งนี้ พบว่าบริษัทเดิมไม่ยอมมาเก็บค่าเช่า ทางวัดจึงเปิดประมูลพิจารณาโดยคณะกรรมการ มีมติให้บริษัทที่ประมูลได้ ไปเก็บเงินค่าเช่าอาคารบนพื้นที่วัด ไม่ได้หาผลประโยชน์ตามที่กล่าวอ้าง ขอยืนยันว่าผู้เช่าส่วนใหญ่ไม่มีใครมีปัญหา มีผู้ประกอบการเพียง 1-2 รายเท่านั้นที่อยากจ่ายค่าเช่าในราคาที่ถูกคูหาละ 600-800 บาทต่อเดือน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก