x close

ชายแค่ขาอ่อนแรง แต่หมอบอกเป็นมะเร็งสมอง รักษาผิด 4 เดือน กว่าจะรู้ก็สายไป

          ชายอินเดียขาอ่อนแรง แต่หมอบอกเป็นมะเร็งสมอง รักษาผิด ๆ อยู่ 4 เดือน กว่าจะรู้ความจริง ก็สายเกินแก้ จนเสียชีวิต แถมโรงพยาบาลยังโกหก ใส่ร้ายครอบครัว

          เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2562 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า นายอโศก ทิวาน ชายอินเดีย วัย 61 ปี เสียชีวิตจากไปอย่างสลด หลังจากเข้ารับการรักษาฃอาการขาอ่อนแรง แต่ทางโรงพยาบาลวินิจฉัยผิดว่าเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งสมอง จนให้การรักษาผิด ๆ มาเป็นเวลานาน กระทั่งร่างกายทรุดลงจนเสียชีวิต

          ลูกของเขาได้ออกมาตั้งคำถามถึงการทำงานของแพทย์ เพราะมันไม่ใช่ความผิดพลาดเล็กน้อย แต่มันคร่าชีวิตคนคนหนึ่งจากไป อย่างที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น


          ต้นตอของเหตุการณ์ทุกอย่าง ต้องย้อนกลับไปในเดือนกรกฎาคม 2561 ตอนนั้นอโศกมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี และสามารถดูแลธุรกิจของตัวเองได้ตามปกติ กระทั่งพบว่าขาขวามีอาการล้า ไม่ค่อยมีแรง จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในโกลกาตา เมืองใหญ่ในรัฐเบงกอลตะวันตก ทางตะวันเฉียงเหนือของอินเดีย

          นายแพทย์สิงห์ (สงวนชื่อจริง) ได้ทำการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง (MRI) ให้กับอโศก และในวันต่อมา แพทย์ก็แจ้งว่าเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งสมอง ระยะที่ 4 ซึ่งไม่มีทางรักษา เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง 18 เดือนเท่านั้น

          อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สิงห์ไม่ได้ทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ อ้างว่าทางโรงพยาบาลไม่มีเครื่องมือที่ทำแบบนั้นได้ และได้ให้อโศกแอดมิตเป็นเวลา 3 วัน ก่อนแจ้งให้ทางญาติทราบว่าคนไข้เป็นมะเร็งระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายแล้ว พร้อมนำแพทย์ด้านมะเร็งเข้ามายืนยันว่าไม่สามารถรักษาอาการให้หายขาด และขณะนี้เวลาของคนไข้เหลืออยู่แค่เพียง 1-2 เดือนเท่านั้น
 
          จากนั้น ทางโรงพยาบาลได้เริ่มรักษาอโศกด้วยการฉายแสง ให้เคมีบำบัด รวมถึงให้ยาสเตียรอยด์ ทำเช่นนี้นานเป็นเดือน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อร่างกายของเขา และทำให้เริ่มมีปัญหาทางสุขภาพปรากฏขึ้นหลายอย่าง แต่แม้ว่าจะเกิดผลข้างเคียงมาก ทางโรงพยาบาลก็ยังคงรักษาด้วยวิธีเดิมไปเรื่อย ๆ ก่อนจะยุติรักษา เมื่อกระบวนการผ่านไปได้ 75 เปอร์เซ็นต์

          หลังการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวยุติลง สุขภาพร่างกายของอโศกก็ทรุดหนักมาก และต้องเข้าห้องไอซียู โดยรายงานระบุว่า เขาประสบปัญหาไตล้มเหลว ต้องฟอกไตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังกลายเป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากทางโรงพยาบาลให้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด และมันส่งผลให้เขาเกิดการติดเชื้อหลายแห่ง ทั้งปอดติดเชื้อ ติดเชื้อในกระแสเลือด รวมทั้งติดเชื้อที่สมอง อโศกต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเป็นเวลาร่วม 4 เดือน และอยู่ในอาการโคม่า

          ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือ อาการผื่นแพ้ยา (Toxic Epidermal Necrolysis) ที่ทำให้ผิวหนังอักเสบรุนแรงมาก จนเนื้อหลุดลอกออก แต่ทางโรงพยาบาลกลับไม่ทำการรักษา ไม่ได้ย้ายผู้ป่วยเข้าห้องเดี่ยว ยังคงให้นอนดูอาการในห้องไอซียูรวม แม้ว่าครอบครัวจะขอร้องหลายครั้งแล้วก็ตาม

          และหลังจากที่อาการของอโศกย่ำแย่ลงมาก ทางหัวหน้าแผนกห้องไอซียู รวมทั้งแพทย์เฉพาะอีกหลายคนของทางโรงพยาบาล ได้แนะนำว่าควรยุติการควรยุติการยื้อชีวิต ให้เขาตายจากไปโดยที่ไม่ต้องรักษาต่ออีก แต่ทางครอบครัวปฏิเสธ

          ต่อมา ครอบครัวของอโศกพบว่าทางโรงพยาบาลจงใจฆ่าเขาทางอ้อม ด้วยการใช้น้ำยาล้างไตที่มีตะกอนปนเปื้อน และไม่ใช้เครื่องอุ่นน้ำยาขณะใช้งาน ด้วยเหตุนี้ อาการของอโศกก็ทรุดฮวบลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลงจาก 102bpm หรือ 102 ครั้งต่อนาที ไปอยู่ที่ 62bpm หรือ 62 ครั้งต่อนาที

น้ำยาฟอกไต ที่ลูกชายของอโศกระบุว่าพบเห็นตะกอนเจือปนอยู่ ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ashok Diwan

          ครอบครัวจึงได้ค้นหาข้อมูลแล้วแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ว่าจำเป็นต้องใช้เครื่องอุ่นน้ำยาฟอกไตด้วย ทางโรงพยาบาลจึงเข้ามาติดตั้งให้ หลังจากใช้งานเครื่องฟอกไตไปแล้ว 5 ชั่วโมง อัตราการเต้นของหัวใจอโศกจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และอุณหภูมิร่างกายก็เพิ่มสูงขึ้น 

          กระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2562 ศัลยแพทย์ประสาท ทราบชื่อคือ นายแพทย์ตรีพาธี (สงวนชื่อจริง) ตรวจพบว่าทางโรงพยาบาลวินิจฉัยผิด อโศกไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งสมองอย่างที่คิด และได้รับการรักษาผิด ๆ มาเป็นเวลานาน จนร่างกายทรุดหนักอยู่ในภาวะวิกฤต ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีกแล้ว

          ทางโรงพยาบาลบอกครอบครัวไปว่ารักษาผิด แนะนำให้ส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลอื่นในเมืองเชนไน ส่วนค่าใช้จ่ายที่ผ่านมาทั้งหมด ทางโรงพยาบาลจะไม่เรียกเก็บ และยินดีจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลังจากนี้ให้

          ทว่าหลังจากเวลาผ่านไป ทางโรงพยาบาลดังกล่าวก็ยังไม่ทำเรื่องส่งตัวให้เสียที จนครอบครัวตัดสินใจขอยุติการรักษา และพาอโศกไปรักษาที่อื่นเอง ซึ่งทางโรงพยาบาลต้นเรื่องได้ให้ญาติลงนามไว้ว่าจะกลับมาจ่ายทีหลัง กล่าวว่าต้องทำตามระเบียบไปเท่านั้น ด้วยเหตุผลด้านการทำบัญชี ทางครอบครัวจึงลงนาม ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่คิดเงินอยู่แล้ว

          แต่พอย้ายผู้ป่วยไปถึงโรงพยาบาลอื่น ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแรกกลับติดต่อไปแจ้งโรงพยาบาลแห่งใหม่ว่าทางครอบครัวอโศกเบี้ยวเงิน ตั้งใจโกง ไม่ยอมจ่ายค่ารักษา และย้ายเพราะไม่ต้องการจ่ายเงิน ทั้งที่ตอนแรกพูดคนละเรื่อง

          อย่างไรก็ตาม การย้ายโรงพยาบาลไม่สามารถแก้ไขอาการของอโศกได้ และในวันที่ 26 ธันวาคม 2561 เขาก็เสียชีวิต โดยลูกชายของเขาได้ออกมาโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงบนเฟซบุ๊ก ต้องการกระจายข่าวเพื่อไม่ให้มีใครต้องพบเจอโศกนากฏกรรมเศร้าแบบนี้อีก

          ตอนแรกทางครอบครัวไม่ได้ระบุชื่อโรงพยาบาลในโพสต์ แต่พบว่าทางโรงพยาบาลได้ข่มขู่คุกคาม อีกทั้งทางผู้บริหารก็ออกมาให้ข่าวว่าทางครอบครัวอโศกโกหก ตอนนี้พวกเขาจึงออกมาร้องเรียนอย่างจริงจัง และต้องการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อ ได้รับการลงโทษอย่างสาสม
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชายแค่ขาอ่อนแรง แต่หมอบอกเป็นมะเร็งสมอง รักษาผิด 4 เดือน กว่าจะรู้ก็สายไป โพสต์เมื่อ 31 กรกฎาคม 2562 เวลา 19:08:12 82,060 อ่าน
TOP