มารู้จัก วาฬดิมีร์ สปรูติน (Hvaldimir Sprutin) วาฬเบลูก้า อดีตวาฬสายลับรัสเซีย สู่การเป็นสัตว์ที่นอร์เวย์ให้การคุ้มครองดูแล ทั้งเชื่องทั้งกินจุ เป็นที่รักของทุกคน
และนี่คือเรื่องราวชีวิตใหม่ของอดีตสายลับรัสเซีย ผู้ได้รับการขนานนามอย่างสุดเท่ว่า วาฬดิมีร์ สปรูติน (Hvaldimir Sprutin)
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Hvaldimir Foundation ระบุว่า ทางการนอร์เวย์เชื่อว่า วาฬดิมีร์ คือวาฬสายลับของกองทัพเรือรัสเซีย ที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แล้วหลุดออกมาโดยบังเอิญ ชาวประมงได้ช่วยตัดสายรัดกล้องที่ติดรัดแน่นอยู่บนตัวมัน พร้อมกับมอบอาหารให้มันกิน ซึ่งหลังจากนั้น มันก็ไม่ได้หนีไปไหนไกล และว่ายน้ำวนเวียนอยู่ในละแวกท่าเรือ
ข่าวสายลับรัสเซียสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ผู้คนมากมาย โดยเฉพาะเด็ก ๆ ต่างเดินทางมาดูเจ้าวาฬสีขาวผู้น่ารัก และแสนเชื่อง แต่ก็มันก็มีเรื่องที่น่ากังวลเกิดขึ้น
ริชาร์ด คาร์โรเลียสเซน ผู้อำนวยการองค์กรสำรวจและวิจัยวาฬนอร์เวย์ เปิดเผยกับสถานีวิทยุ เรดิโอ ฟรี ยุโรป ว่า จากการสังเกตการณ์เบื้องต้น พบว่าวาฬดิมีร์น่าจะถูกเลี้ยงดูในพื้นที่ปิด ไม่เคยออกสู่ทะเลเปิดตามธรรมชาติ และคลุกคลีกับมนุษย์มาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นวาฬที่เชื่องมาก อีกทั้งยังชอบอยู่ใกล้กับมนุษย์
วาฬดิมีร์ได้รับความรักจากผู้คนมากมายที่เดินทางมาดูมัน แต่ปัญหาก็คือ มันหาอาหารเองไม่เป็น เพราะมันพึ่งพาอาหารจากมนุษย์มาตลอดชีวิต มันจึงรอกินอาหารที่ชาวบ้านเอามาให้ ซึ่งพวกเขาก็จัดให้มันแบบเต็มที่ ให้มันกินทุกอย่าง ตั้งแต่ขนมปัง เค้กปลา และอื่น ๆ ที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของวาฬเบลูก้า
![วาฬสายลับ รัสเซีย]( "วาฬสายลับ รัสเซีย")
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Hvaldimir Foundation
หลังจากเวลาผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นตั้งใจจากทุกฝ่ายก็ปรากฏ วาฬดิมีร์สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก ร่าเริงแจ่มใสขึ้น มีพลังงานล้นเหลือ และน้ำหนักตัวกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ
ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ช่วยฝึกสอนมันในการหาอาหาร เพื่อให้มันเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองไปทีละเล็กละน้อย และเป็นผลดีต่อตัวมันเองในระยะยาว รวมทั้งฝึกให้มันออกไปว่ายน้ำอยู่ด้านนอก ไม่ค่อยให้มันเข้ามาในท่าเรือด้านใน ที่มีการใช้งานอยู่ตลอด ซึ่งอาจเป็นอันตราย
ในปัจจุบัน อดีตวาฬสายลับกลับใจก็ว่ายน้ำอยู่นอกชายฝั่งที่เดิม เพิ่มเติมคือมีความสุขมากขึ้น และได้มีการก่อตั้งมูลนิธิ Hvaldimir Foundation ขึ้นมาเพื่อดูแลวาฬดิมีร์
ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดเครื่องติดตามตัวมันไว้ เพื่อเฝ้าดูแลความเคลื่อนไหว พวกเขาก็ได้โพสต์อัปเดตชีวิตของวาฬดิมีร์ลงบนเฟซบุ๊กอยู่เป็นระยะ พร้อมแชร์ภาพน่ารัก ๆ ของมัน อีกทั้งยังมีการบินโดรนเพื่อสำรวจดูแลมันอีกด้วย
นับว่าเป็นเรื่องดีและอบอุ่นใจ ที่อดีตวาฬสายลับได้กลายเป็นสัตว์คุ้มครองที่ได้รับทั้งความรักและความเอาใจใส่ อีกทั้งยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบวาฬ ๆ ก็ขอให้มีความสุขและแข็งแรงตลอดไปนะวาฬดิมีร์
สามารถติดตามชีวิตของวาฬดิมีร์ ได้ที่ เฟซบุ๊ก Hvaldimir Foundation
สำหรับผู้ที่ประสงค์บริจาคช่วยเหลือเจ้าวาฬตัวนี้ ก็สามารถเข้าไปบริจาคได้ที่เว็บไซต์ Hvaldimir Foundation
ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน 2562 เหตุการณ์จับกุม "สายลับรัสเซีย" ที่นอร์เวย์ ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมที่นอร์เวย์ และยังกลายเป็นข่าวไปทั่วโลก สายลับรายนี้ถูกชาวประมงท้องถิ่นพบเจอ ขณะว่ายน้ำอยู่ในทะเลนอกชายฝั่งเกาะอิงเงอยา เขตพื้นที่เทศมณฑลฟินน์มาร์ก ทางตอนเหนือสุดของประเทศนอร์เวย์
อ่านข่าว : นอร์เวย์อึ้ง วาฬโผล่จ๊ะเอ๋ชาวประมง คาดเป็นสายลับรัสเซียมาเยือน เชื่อฝึกมาอย่างฉกาจ
อันที่จริงแล้ว จะเรียกว่าถูกจับได้ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะสายลับรายนี้แฝงตัวมาได้แบบแนบเนียนมาก ความมาแตกเพราะดันมาโผล่มาให้เห็นแบบเปิดเผย เข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมกับสายรัดกล้องที่ติดอยู่บนหัว แถมยังอ้าปากขอปลากิน ถูกต้องแล้ว สายลับรายนี้ขอปลากินจริง ๆ เพราะมันไม่ใช่คน แต่เป็นวาฬเบลูก้า
วาฬสายลับตัวนี้ได้กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ผู้คนต่างเอ็นดูและสงสัยในประวัติความเป็นมาของเบลูก้าแสนน่ารักตัวนี้ ล่าสุด หลังจากถูกทางการนอร์เวย์ติดสินบนด้วยปลาเป็นจำนวนมาก ยอดสายลับวาฬเบลูก้าก็เกิดการเอนเอียง เปลี่ยนข้างมาเข้ากับนอร์เวย์ในที่สุด
อ่านข่าว : นอร์เวย์อึ้ง วาฬโผล่จ๊ะเอ๋ชาวประมง คาดเป็นสายลับรัสเซียมาเยือน เชื่อฝึกมาอย่างฉกาจ
อันที่จริงแล้ว จะเรียกว่าถูกจับได้ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะสายลับรายนี้แฝงตัวมาได้แบบแนบเนียนมาก ความมาแตกเพราะดันมาโผล่มาให้เห็นแบบเปิดเผย เข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมกับสายรัดกล้องที่ติดอยู่บนหัว แถมยังอ้าปากขอปลากิน ถูกต้องแล้ว สายลับรายนี้ขอปลากินจริง ๆ เพราะมันไม่ใช่คน แต่เป็นวาฬเบลูก้า
วาฬสายลับตัวนี้ได้กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ผู้คนต่างเอ็นดูและสงสัยในประวัติความเป็นมาของเบลูก้าแสนน่ารักตัวนี้ ล่าสุด หลังจากถูกทางการนอร์เวย์ติดสินบนด้วยปลาเป็นจำนวนมาก ยอดสายลับวาฬเบลูก้าก็เกิดการเอนเอียง เปลี่ยนข้างมาเข้ากับนอร์เวย์ในที่สุด
และนี่คือเรื่องราวชีวิตใหม่ของอดีตสายลับรัสเซีย ผู้ได้รับการขนานนามอย่างสุดเท่ว่า วาฬดิมีร์ สปรูติน (Hvaldimir Sprutin)
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Hvaldimir Foundation ระบุว่า ทางการนอร์เวย์เชื่อว่า วาฬดิมีร์ คือวาฬสายลับของกองทัพเรือรัสเซีย ที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แล้วหลุดออกมาโดยบังเอิญ ชาวประมงได้ช่วยตัดสายรัดกล้องที่ติดรัดแน่นอยู่บนตัวมัน พร้อมกับมอบอาหารให้มันกิน ซึ่งหลังจากนั้น มันก็ไม่ได้หนีไปไหนไกล และว่ายน้ำวนเวียนอยู่ในละแวกท่าเรือ
ข่าวสายลับรัสเซียสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ผู้คนมากมาย โดยเฉพาะเด็ก ๆ ต่างเดินทางมาดูเจ้าวาฬสีขาวผู้น่ารัก และแสนเชื่อง แต่ก็มันก็มีเรื่องที่น่ากังวลเกิดขึ้น
ริชาร์ด คาร์โรเลียสเซน ผู้อำนวยการองค์กรสำรวจและวิจัยวาฬนอร์เวย์ เปิดเผยกับสถานีวิทยุ เรดิโอ ฟรี ยุโรป ว่า จากการสังเกตการณ์เบื้องต้น พบว่าวาฬดิมีร์น่าจะถูกเลี้ยงดูในพื้นที่ปิด ไม่เคยออกสู่ทะเลเปิดตามธรรมชาติ และคลุกคลีกับมนุษย์มาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นวาฬที่เชื่องมาก อีกทั้งยังชอบอยู่ใกล้กับมนุษย์
วาฬดิมีร์ได้รับความรักจากผู้คนมากมายที่เดินทางมาดูมัน แต่ปัญหาก็คือ มันหาอาหารเองไม่เป็น เพราะมันพึ่งพาอาหารจากมนุษย์มาตลอดชีวิต มันจึงรอกินอาหารที่ชาวบ้านเอามาให้ ซึ่งพวกเขาก็จัดให้มันแบบเต็มที่ ให้มันกินทุกอย่าง ตั้งแต่ขนมปัง เค้กปลา และอื่น ๆ ที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของวาฬเบลูก้า
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสัตว์ของนอร์เวย์ ไม่อนุญาตให้ปล่อยสัตว์อยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือเป็นอันตราย ทางรัฐบาลท้องถิ่นจึงมอบหมายให้ทางองค์กรสำรวจและวิจัยวาฬนอร์เวย์ คอยควบคุมดูแลและให้อาหารวาฬดิมีร์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และสถานการณ์เป็นไปอย่างน่ากังวลมาก
ทางองค์กรกังวลว่า วาฬดิมีร์อาจเตลิดหนีไป แล้วไม่กลับมาอีก ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตมันมาก เพราะมันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมนุษย์ ดังนั้นมันอาจอดตาย หรือถูกล่า พวกเขาไม่สามารถให้การคุ้มครองมันได้ตลอด อีกทั้งยังมีเรื่องติดขัดทั้งทางด้านงบประมาณและอื่น ๆ จึงได้ประกาศขอความช่วยเหลือ
ทางองค์กรกังวลว่า วาฬดิมีร์อาจเตลิดหนีไป แล้วไม่กลับมาอีก ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตมันมาก เพราะมันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมนุษย์ ดังนั้นมันอาจอดตาย หรือถูกล่า พวกเขาไม่สามารถให้การคุ้มครองมันได้ตลอด อีกทั้งยังมีเรื่องติดขัดทั้งทางด้านงบประมาณและอื่น ๆ จึงได้ประกาศขอความช่วยเหลือ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Hvaldimir Foundation
ในเวลาต่อมา กองทุนอนุรักษ์ท้องทะเลและบุชการ์เดน (Sea World and Busch Gardens Conservation Fund) ของสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ซึ่งทางกรมประมงนอร์เวย์ก็ได้อนุมัติให้ กองทุนอนุรักษ์ท้องทะเลและบุชการ์เดน ร่วมมือกับ องค์กรสำรวจและวิจัยวาฬนอร์เวย์ รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ ในการดูแลวาฬดิมีร์ นำไปสู่การหารือวางมาตรการปกป้องคุ้มครองมันในระยะยาว
กลุ่มอาสาสมัครได้ผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารมาให้วาฬดิมีร์ รวมทั้งคอยตรวจเช็กสภาพร่างกายเป็นระยะ ผู้คนมากมายก็ได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการด้วยเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว ทางกรมประมงก็ยังติดป้ายข้อมูลของวาฬดิมีร์เอาไว้ที่ท่าเรือ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้คน
กลุ่มอาสาสมัครได้ผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารมาให้วาฬดิมีร์ รวมทั้งคอยตรวจเช็กสภาพร่างกายเป็นระยะ ผู้คนมากมายก็ได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการด้วยเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว ทางกรมประมงก็ยังติดป้ายข้อมูลของวาฬดิมีร์เอาไว้ที่ท่าเรือ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้คน
หลังจากเวลาผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นตั้งใจจากทุกฝ่ายก็ปรากฏ วาฬดิมีร์สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก ร่าเริงแจ่มใสขึ้น มีพลังงานล้นเหลือ และน้ำหนักตัวกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ
ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ช่วยฝึกสอนมันในการหาอาหาร เพื่อให้มันเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองไปทีละเล็กละน้อย และเป็นผลดีต่อตัวมันเองในระยะยาว รวมทั้งฝึกให้มันออกไปว่ายน้ำอยู่ด้านนอก ไม่ค่อยให้มันเข้ามาในท่าเรือด้านใน ที่มีการใช้งานอยู่ตลอด ซึ่งอาจเป็นอันตราย
ในปัจจุบัน อดีตวาฬสายลับกลับใจก็ว่ายน้ำอยู่นอกชายฝั่งที่เดิม เพิ่มเติมคือมีความสุขมากขึ้น และได้มีการก่อตั้งมูลนิธิ Hvaldimir Foundation ขึ้นมาเพื่อดูแลวาฬดิมีร์
ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดเครื่องติดตามตัวมันไว้ เพื่อเฝ้าดูแลความเคลื่อนไหว พวกเขาก็ได้โพสต์อัปเดตชีวิตของวาฬดิมีร์ลงบนเฟซบุ๊กอยู่เป็นระยะ พร้อมแชร์ภาพน่ารัก ๆ ของมัน อีกทั้งยังมีการบินโดรนเพื่อสำรวจดูแลมันอีกด้วย
นับว่าเป็นเรื่องดีและอบอุ่นใจ ที่อดีตวาฬสายลับได้กลายเป็นสัตว์คุ้มครองที่ได้รับทั้งความรักและความเอาใจใส่ อีกทั้งยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบวาฬ ๆ ก็ขอให้มีความสุขและแข็งแรงตลอดไปนะวาฬดิมีร์
สามารถติดตามชีวิตของวาฬดิมีร์ ได้ที่ เฟซบุ๊ก Hvaldimir Foundation
สำหรับผู้ที่ประสงค์บริจาคช่วยเหลือเจ้าวาฬตัวนี้ ก็สามารถเข้าไปบริจาคได้ที่เว็บไซต์ Hvaldimir Foundation
