อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เตือนโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ที่กระทรวงเกษตร จ่อใช้งบ 5 พันล้านดำเนินการ ส่อเป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก หนักกว่ากรณี GT200 ไม้ล้างป่าช้าในตำนาน
จากข่าวที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมหาแหล่งน้ำขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยเบื้องต้นเตรียมของบประมาณ 5 พันล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการธนาคารน้ำ เพื่อนำน้ำใต้ดินมาให้เกษตรกรใช้ในฤดูแล้งนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 6 สิงหาคม 2562 ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ถึงโครงการธนาคารน้ำใต้ดินว่า "ท่าทางเราจะได้เห็นโครงการรัฐ ที่เป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก ขนาดใหญ่กว่า GT200 ก็คราวนี้แหละครับ"
เบื้องต้น ดร.เจษฎา เคยอธิบายถึงโครงการธนาคารน้ำใต้ดินที่หลายพื้นที่ในไทยกำลังรณรงค์ให้ทำ อาจจะหลงทาง หากจะยึดต้นแบบจากอินเดียนั้น จะต้องทำหลุมขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตรขึ้นไป และลึก 2-3 เมตรหรือจนถึงระดับที่ดินมีรูพรุน เช่นเป็นชั้นหินทราย ตัวหลุมเองก็ต้องทำด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น หิน กรวด ทราย แต่เท่าที่เห็นในไทย พบว่ามีการทำหลุมเล็ก ๆ แล้วใช้ทั้งยางรถยนต์ ขวดพลาสติก ลงไปทำเป็นหลุม ซึ่งเมื่อสลายตัว ก็จะเป็นการส่งสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายลงไปในน้ำด้วย
นอกจากนั้น การทำธนาคารน้ำใต้ดิน ยังต้องผ่านการทดสอบวิเคราะห์ก่อนว่า น้ำผิวดินที่จะลงไปในหลุม เป็นน้ำที่สะอาดจริง ไม่ได้มีสารเคมีที่เป็นอันตราย ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และน้ำเสียอื่น ๆ ลงไปด้วยเพราะจะยิ่งลงไปสะสมในชั้นน้ำบาดาล และเมื่อสูบขึ้นมาใช้ ก็จะเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพจเฟซบุ๊ก วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทย ให้ความรู้ไว้ว่า แม้แต่ที่อินเดีย ซึ่งมีการใช้ธนาคารน้ำใต้ดิน จำนวนมาก ก็พบกับปัญหาเรื่องของสารปนเปื้อน ไนเตรต เหล็ก หรือสารหนู ที่น่ากังวลคือไนเตรต ที่มักมากับปุ๋ย หากร่างกายรับไนเตรต อาจมีอาการคลื่นไส้ หายใจไม่ออก ตัวเขียว หมดสติได้ เสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากได้รับสะสมไปนาน ๆ ก็จะเสี่ยงเป็นมะเร็ง และไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงเสี่ยงมากที่น้ำจะนำพาสารเคมีจากปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ฆ่าหญ้า ลงสู่ชั้นน้ำบาดาลง่ายขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant, เฟซบุ๊ก วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทย
จากข่าวที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เตรียมหาแหล่งน้ำขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยเบื้องต้นเตรียมของบประมาณ 5 พันล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการธนาคารน้ำ เพื่อนำน้ำใต้ดินมาให้เกษตรกรใช้ในฤดูแล้งนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 6 สิงหาคม 2562 ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ถึงโครงการธนาคารน้ำใต้ดินว่า "ท่าทางเราจะได้เห็นโครงการรัฐ ที่เป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก ขนาดใหญ่กว่า GT200 ก็คราวนี้แหละครับ"
เบื้องต้น ดร.เจษฎา เคยอธิบายถึงโครงการธนาคารน้ำใต้ดินที่หลายพื้นที่ในไทยกำลังรณรงค์ให้ทำ อาจจะหลงทาง หากจะยึดต้นแบบจากอินเดียนั้น จะต้องทำหลุมขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตรขึ้นไป และลึก 2-3 เมตรหรือจนถึงระดับที่ดินมีรูพรุน เช่นเป็นชั้นหินทราย ตัวหลุมเองก็ต้องทำด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น หิน กรวด ทราย แต่เท่าที่เห็นในไทย พบว่ามีการทำหลุมเล็ก ๆ แล้วใช้ทั้งยางรถยนต์ ขวดพลาสติก ลงไปทำเป็นหลุม ซึ่งเมื่อสลายตัว ก็จะเป็นการส่งสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายลงไปในน้ำด้วย
นอกจากนั้น การทำธนาคารน้ำใต้ดิน ยังต้องผ่านการทดสอบวิเคราะห์ก่อนว่า น้ำผิวดินที่จะลงไปในหลุม เป็นน้ำที่สะอาดจริง ไม่ได้มีสารเคมีที่เป็นอันตราย ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และน้ำเสียอื่น ๆ ลงไปด้วยเพราะจะยิ่งลงไปสะสมในชั้นน้ำบาดาล และเมื่อสูบขึ้นมาใช้ ก็จะเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพจเฟซบุ๊ก วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทย ให้ความรู้ไว้ว่า แม้แต่ที่อินเดีย ซึ่งมีการใช้ธนาคารน้ำใต้ดิน จำนวนมาก ก็พบกับปัญหาเรื่องของสารปนเปื้อน ไนเตรต เหล็ก หรือสารหนู ที่น่ากังวลคือไนเตรต ที่มักมากับปุ๋ย หากร่างกายรับไนเตรต อาจมีอาการคลื่นไส้ หายใจไม่ออก ตัวเขียว หมดสติได้ เสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากได้รับสะสมไปนาน ๆ ก็จะเสี่ยงเป็นมะเร็ง และไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงเสี่ยงมากที่น้ำจะนำพาสารเคมีจากปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ฆ่าหญ้า ลงสู่ชั้นน้ำบาดาลง่ายขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant, เฟซบุ๊ก วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทย
