สุเทพ เทือกสุบรรณ ยันไม่เคยทุจริตก่อสร้างโรงพัก-แฟลตตำรวจ เผยอนุมัติโครงการโปร่งใสตามขั้นตอน ชี้ได้รับความเสียหายและเสียชื่อเสียงมาก พร้อมต่อสู้ในชั้นศาล
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 8 เสียง ชี้มูลความผิด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก รวม 2 คดี ได้แก่ การทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับความเสียหาย 1,728 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) จำนวน 163 หลัง เป็นเหตุให้ สตช. ได้รับความเสียหาย 3,994 ล้านบาท และปรากฏมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากผู้รับจ้าง เป็นเงิน 91,678,000 บาท
อ่านข่าว : ป.ป.ช. ฟัน สุเทพ ทุจริตสร้างโรงพัก - แฟลตตำรวจ เสียหายกว่า 5 พันล้าน
คืบหน้า วันที่ 7 สิงหาคม 2562 นายสุเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ ป.ป.ช. ตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ตนได้ไปชี้แจงหลายครั้งหลายหนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุด ป.ป.ช. ก็ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนจะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบ เพราะว่าตนเสียหายและเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย แต่เดิม ป.ป.ช. พยายามกล่าวหาว่าตนกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิด เพราะว่ามติ ครม. เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอยู่จริง เพราะฉะนั้นฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช. กลายเป็นว่าตนเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม. เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่ กลับไม่เสนอขอมติที่ประชุม ครม. อีกครั้ง คล้ายกับว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีดังกล่าวจะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งตนเห็นว่าอาจจะผิดจากข้อเท็จจริง
เพราะข้อเท็จจริงคือว่า ครม. มีมติครั้งเดียว เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์
2552 ให้สร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ในวงเงิน 6,000 ล้านบาท
โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แล้วก็ผูกพันงบประมาณเป็นเวลา 5 ปี
ซึ่ง ครม. อนุมัติเพียงครั้งเดียว เรียกว่า ครม. อนุมัติโดยหลักการ
ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ใช่อำนาจของ ครม. ในการอนุมัติ
เพราะมีกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างว่าด้วยระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน
คืออธิบดี หรือถ้าเกินอำนาจของอธิบดี
ก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงนั้น ดังนั้น ที่กล่าวหาว่าตนเสนอ ครม.
ครั้งหนึ่งแล้ว แต่พอจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างกลับไม่เสนอขอมติ
ครม. นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง
ซึ่งประเด็นนี้ตนจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น และขอให้ประชาชนสบายใจ เพราะทั้งหมดนี้ที่ ป.ป.ช. กล่าวหาตน ไม่เกี่ยวกับการทุจริตเลย เป็นเพียงประเด็นว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น ส่วนการก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของตน แต่เกี่ยวกับการบริหารสัญญา คือการกำกับควบคุมดูแลการก่อสร้าง น่าสังเกตว่าระหว่างการก่อสร้างกว่าจะทำสัญญาได้ก็นาน และเวลาก่อสร้างมีการขยายสัญญาให้หลายครั้ง โดยผู้บัญชาการตำรวจหลายนาย ซึ่งตนจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่ตนมี
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ภาพจาก สำนักข่าว INN
อ่านข่าว : ป.ป.ช. ฟัน สุเทพ ทุจริตสร้างโรงพัก - แฟลตตำรวจ เสียหายกว่า 5 พันล้าน
คืบหน้า วันที่ 7 สิงหาคม 2562 นายสุเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ ป.ป.ช. ตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ตนได้ไปชี้แจงหลายครั้งหลายหนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุด ป.ป.ช. ก็ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนจะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบ เพราะว่าตนเสียหายและเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย แต่เดิม ป.ป.ช. พยายามกล่าวหาว่าตนกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิด เพราะว่ามติ ครม. เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอยู่จริง เพราะฉะนั้นฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช. กลายเป็นว่าตนเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม. เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่ กลับไม่เสนอขอมติที่ประชุม ครม. อีกครั้ง คล้ายกับว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ
ซึ่งประเด็นนี้ตนจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น และขอให้ประชาชนสบายใจ เพราะทั้งหมดนี้ที่ ป.ป.ช. กล่าวหาตน ไม่เกี่ยวกับการทุจริตเลย เป็นเพียงประเด็นว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น ส่วนการก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของตน แต่เกี่ยวกับการบริหารสัญญา คือการกำกับควบคุมดูแลการก่อสร้าง น่าสังเกตว่าระหว่างการก่อสร้างกว่าจะทำสัญญาได้ก็นาน และเวลาก่อสร้างมีการขยายสัญญาให้หลายครั้ง โดยผู้บัญชาการตำรวจหลายนาย ซึ่งตนจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่ตนมี
ข้อมูลจาก