หญิงไต้หวัน วัย 47 ปี จับได้ว่าสามีนอกใจ ตัดสินใจทำรีแพร์ 6 ครั้ง หวังกอบกู้ชีวิตคู่ แต่ไม่สำเร็จ สามีไม่ทิ้งเมียน้อย แถมช่องคลอดพัง เหลือความกว้าง 1.2 ซม. เจ็บปวดทรมาน
![]()
เรื่องบนเตียงเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตคู่ ถ้าหากอะไร ๆ บนนั้นมันเกิดติดขัด
มันก็อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตรักได้
และนั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เป็นกังวลมาโดยตลอด
เธอจับได้ว่าสามีแอบนอกใจไปมีหญิงอื่น
ซึ่งมันทำให้เธอคิดโทษตัวเองว่าปัญหาน่าจะเกิดจากการที่ตัวเองมอบความสุขเรื่องเซ็กส์ให้สามีได้ไม่ดีพอ
เพราะเธอก็อายุล่วงเลยเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ร่างกายก็หย่อนยานตามวัย
ไม่ฟิต ไม่เต่งตึงเหมือนสมัยยังสาว
เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลง รวบรวมความกล้าเดินเข้าคลินิกศัลยกรรมความงาม เพื่อรีแพร์ยกกระชับพื้นที่ตรงนั้น หวังว่ามันจะสามารถมัดใจสามีให้กลับมาหาเธออีกครั้ง และสามารถประคองชีวิตสมรสให้ดำเนินไปต่อได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอคาดหวัง...
จากการรายงานของเว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 ระบุว่า หญิงคนดังกล่าวเป็นชาวไต้หวัน อายุ 47 ปี เธอเริ่มต้นทำการรีแพร์ หรือศัลยกรรมยกกระชับช่องคลอด เป็นครั้งแรก เมื่อ 3 ปีก่อน แต่เธอก็ยังคงไม่มั่นใจ รู้สึกว่าเครื่องยนต์ช่วงล่างยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าที่ควร เธอจึงกลับไปทำอีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่พอใจอีก โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เธอเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมช่องคลอดมาแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง
![]()
สูตินรีแพทย์ได้ให้คนไข้ขึ้นขาหยั่งเพื่อตรวจสอบดูอวัยวะเพศ ก่อนจะพบแผลเย็บหลายรอยที่บริเวณช่องคลอด อีกทั้งปากช่องคลอดยังแคบและเล็กมาก แทบจะไม่สามารถสอดอะไรเข้าไปได้เลย สอดได้แค่นิ้วก้อยเท่านั้น
แพทย์จึงได้สอบถามคนไข้ไปว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น เธอจึงเล่าความจริงทุกอย่าง บอกว่าตัวเองไปทำรีแพร์มา 6 ครั้ง เพื่อให้สามีทิ้งเมียน้อยแล้วกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง แต่มันก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถประสานรอยแตกร้าวในชีวิตต่อไปได้
ที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ ผลจากการทำรีแพร์ 6 ครั้ง ได้ทำลายช่องคลอดของเธอจนเละเทะยับเยิน ความกว้างของปากช่องคลอดเหลืออยู่แค่เพียง 1.2 เซนติเมตร แพทย์เล็งเห็นว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดใด ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาตรงนั้นได้อีก เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก หากดึงดันผ่าตัด ปากช่องคลอดของคนไข้อาจมีหดเล็กลงกว่าเดิม สิ่งที่สามารถสอดเข้าไปได้คงมีแค่ดินสอขนาดเล็ก
ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงได้ฉีดยาแก้อักเสบและยาสเตียรอยด์ให้กับคนไข้ ซึ่งก็คงต้องติดตามรักษากันไปอีกนาน กว่าที่อาการของเธอจะกลับมาเป็นปกติ
นับว่าเป็นเรื่องราวที่จบลงอย่างน่าเศร้า เจ็บทั้งกาย และเจ็บทั้งใจ เลยจริง ๆ
เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลง รวบรวมความกล้าเดินเข้าคลินิกศัลยกรรมความงาม เพื่อรีแพร์ยกกระชับพื้นที่ตรงนั้น หวังว่ามันจะสามารถมัดใจสามีให้กลับมาหาเธออีกครั้ง และสามารถประคองชีวิตสมรสให้ดำเนินไปต่อได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอคาดหวัง...
จากการรายงานของเว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 ระบุว่า หญิงคนดังกล่าวเป็นชาวไต้หวัน อายุ 47 ปี เธอเริ่มต้นทำการรีแพร์ หรือศัลยกรรมยกกระชับช่องคลอด เป็นครั้งแรก เมื่อ 3 ปีก่อน แต่เธอก็ยังคงไม่มั่นใจ รู้สึกว่าเครื่องยนต์ช่วงล่างยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าที่ควร เธอจึงกลับไปทำอีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่พอใจอีก โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เธอเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมช่องคลอดมาแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง
กระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ หญิงคนดังกล่าวมีอาการเจ็บช่องคลอดมาก
โดยเฉพาะตอนที่ขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อเวลาผ่านไป
อาการก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น อีกทั้งยังแย่ลงไปอีก
มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรไปทิ่มอยู่ตรงนั้น
ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธอไม่สามารถนั่งได้เป็นเวลานาน
ต้องลุกขึ้นยืนและเดินทุก ๆ 30 นาที เพื่อคลายความเจ็บปวด แต่พอกลับไปนั่ง
ไม่นานก็เจ็บอีก เธอจึงตัดสินใจไปพบสูตินรีแพทย์
เพื่อตรวจสอบดูให้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สูตินรีแพทย์ได้ให้คนไข้ขึ้นขาหยั่งเพื่อตรวจสอบดูอวัยวะเพศ ก่อนจะพบแผลเย็บหลายรอยที่บริเวณช่องคลอด อีกทั้งปากช่องคลอดยังแคบและเล็กมาก แทบจะไม่สามารถสอดอะไรเข้าไปได้เลย สอดได้แค่นิ้วก้อยเท่านั้น
แพทย์จึงได้สอบถามคนไข้ไปว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น เธอจึงเล่าความจริงทุกอย่าง บอกว่าตัวเองไปทำรีแพร์มา 6 ครั้ง เพื่อให้สามีทิ้งเมียน้อยแล้วกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง แต่มันก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถประสานรอยแตกร้าวในชีวิตต่อไปได้
ที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ ผลจากการทำรีแพร์ 6 ครั้ง ได้ทำลายช่องคลอดของเธอจนเละเทะยับเยิน ความกว้างของปากช่องคลอดเหลืออยู่แค่เพียง 1.2 เซนติเมตร แพทย์เล็งเห็นว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดใด ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาตรงนั้นได้อีก เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก หากดึงดันผ่าตัด ปากช่องคลอดของคนไข้อาจมีหดเล็กลงกว่าเดิม สิ่งที่สามารถสอดเข้าไปได้คงมีแค่ดินสอขนาดเล็ก
ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงได้ฉีดยาแก้อักเสบและยาสเตียรอยด์ให้กับคนไข้ ซึ่งก็คงต้องติดตามรักษากันไปอีกนาน กว่าที่อาการของเธอจะกลับมาเป็นปกติ
นับว่าเป็นเรื่องราวที่จบลงอย่างน่าเศร้า เจ็บทั้งกาย และเจ็บทั้งใจ เลยจริง ๆ
