ตำรวจเอาจริงตั้งรางวัลนำจับแก๊งเด็กแว้น รางวัลละ 3,000 บาท เริ่มเดือนกันยายนนี้ ยันข้อมูลจะไม่ถูกเปิดเผย พร้อมเตือนคนแจ้งป่วนอาจมีโทษ โดยใช้งบจากกองทุนสืบสวน
โดยเงินรางวัลดังกล่าวจะใช้เงินจากกองทุนสืบสวน และจากกองทุนต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากพบว่ามีการแจ้งเท็จจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท นอกจากนี้สำหรับประชาชนที่แจ้งข้อมูลให้ตำรวจนั้น ยืนยันว่าจะรักษาความลับเป็นอย่างดี ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งหลุดออกไปเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตมักมีกลุ่มเด็กแว้นออกมาแข่งรถ
ล่าสุดในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการร้องเรียนในเรื่องนี้ลดลง
แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างเช่น
นครราชสีมา และชัยภูมิ ยังคงมียอดการร้องเรียน และยอดการจับกุมจำนวนมาก
ซึ่งได้สั่งการให้ทุกพื้นที่อย่าปกปิดเหตุเพื่อหวังให้ยอดการจับกุมลดลง เพราะจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการวางมาตรการแก้ไขและป้องกัน
โดยจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูล หากพบว่ามีการปกปิดหรือบิดเบือนสถิติในช่วงแรกจะตักเตือนก่อน
หากพบซ้ำจะพิจารณาบทลงโทษต่อไป
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 15 สิงหาคม 2562 พล.ต.ท. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ประชุมติดตามผลการปฏิบัติมาตรการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง
และความผิดที่เกี่ยวข้อง
โดยวันนี้ที่ประชุมจะมีการหารือเรื่องการตั้งรางวัลนำจับให้แก่ประชาชนที่ให้ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการโทร.
แจ้งทางโทรศัพท์ที่สายด่วนหมายเลข 191 หรือหมายเลข 1599 และช่องทางเพจ
ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. โดยจะมอบเงินรางวัลตอบแทนให้ 3,000 บาท
หากสามารถนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีได้
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเกณฑ์ให้รางวัล
คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะเริ่มดำเนินการได้
โดยเงินรางวัลดังกล่าวจะใช้เงินจากกองทุนสืบสวน และจากกองทุนต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากพบว่ามีการแจ้งเท็จจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท นอกจากนี้สำหรับประชาชนที่แจ้งข้อมูลให้ตำรวจนั้น ยืนยันว่าจะรักษาความลับเป็นอย่างดี ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งหลุดออกไปเพื่อความปลอดภัย
ภาพจาก สำนักข่าว INN
พล.ต.ท. ดำรงศักดิ์
ระบุอีกว่า ส่วนภาพรวมการดำเนินการในห้วงระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม - 1
สิงหาคม และช่วงวันที่ 2-11 สิงหาคม พบว่ามีการดำเนินคดีกับผู้ขับขี่
ผู้สนับสนุน ผู้ปกครอง และความผิดเกี่ยวกับท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน
เปลี่ยนตัวรถ และคดีอื่น ๆ โดยห้วงแรกสามารถจับกุมได้ 46,659 รายทั่วประเทศ
ห้วงที่ 2 สามารถจำกุมได้ 1,2082 รายทั่วประเทศ
ซึ่งจากการเข้มงวดมาตรการเห็นได้ว่ามีจำนวนผู้กระทำความผิดลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ภาพจาก สำนักข่าว INN