เปิด 5 ประเด็นน่ารู้เกี่ยวกับ ไฟป่าแอมะซอน วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญที่ทำลายผืนป่าล้ำค่า อันขึ้นชื่อว่าเปรียบเสมือนปอดของโลก โดยสถานการณ์ครั้งนี้รุนแรงที่สุด และมันจะจบลงได้อย่างไร
1. ไฟป่าแอมะซอน เกิดเมื่อไหร่ และเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
การเกิดไฟป่าที่ป่าดิบชื้นขนาดใหญ่แห่งลุ่มแม่น้ำแอมะซอน นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกปีตามธรรมชาติ ในช่วงที่สภาพอากาศแห้ง อย่างไรก็ตาม ไฟป่าในปีนี้นับว่ารุนแรงที่สุด โดยสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล หรือไอเอ็นพีเอ (INPE - Instituto Nacional de Pesquisas Espaciais) เก็บข้อมูลได้ว่า เกิดไฟป่ามากกว่า 72,000 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2562 นับว่ารุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลจาก สำนักข่าว CNN ระบุว่า จากการสำรวจพบว่า 99% ของไฟป่าที่ป่าแอมะซอน ล้วนเป็นฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้น โดยเฉพาะการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เพื่อใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงปศุสัตว์และการเกษตร รวมไปถึงการตัดไม้เพื่อการค้า
2. ไฟป่าครั้งนี้รุนแรงแค่ไหน ?
ดิ เอ็กซ์เพรส รายงานว่า ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าไฟป่าล่าสุดนี้เกิดขึ้นมาแล้วกี่วัน เนื่องจากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ในป่าแอมะซอนมากกว่า 9,500 ครั้ง กระจายกันออกไป ซึ่งในขณะนี้ไฟป่าในหลายจุดก็ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง
แต่จากข้อมูลของ แอมะซอนวอตช์ ที่ให้ข้อมูลการติดตามป่าแอมะซอนโดยตรง สามารถสรุปคร่าว ๆ ได้ว่า ไฟป่าครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นมาแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ และยังคงไม่ดับ
นอกจากจะเผาผลาญต้นไม้และคร่าชีวิตสัตว์ป่าแล้ว ควันจากไฟป่าแอมะซอนยังลอยไปไกลกว่า 2,700 กิโลเมตร ข้ามไปถึงอีกฝั่งของทะเลแอตแลนติก เมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนคือ เมืองเซาเปาลู ซึ่งควันได้บดบังแสงอาทิตย์ และทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความมืด
3. การตระหนักถึงปัญหา และความไม่ใส่ใจของผู้นำประเทศ
ข้อมูลจากยาฮู รายงานข้อมูลอ้างอิงจากสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทางสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล ได้เสนอข้อมูลให้ นายฌาอีร์ โบลโซนาโร นายกรัฐมนตรีของบราซิล รับทราบเรื่องไฟป่า และแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม นายโบลโซนาโร ก็ได้สั่งปลดผู้อำนวยการไอเอ็นพีเอเพราะเรื่องนี้ พร้อมกล่าวว่า ข่าวไฟไหม้ป่าแอมะซอนเป็นเรื่องลวงโลก
นายโบลโซนาโร เป็นผู้ที่ออกนโยบายซึ่งสร้างกระแสวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเขาให้การสนับสนุนด้านบุกรุกป่าเพื่อเศรษฐกิจ และยังคงปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวไฟไหม้ป่าแอมะซอน
4. ปฏิกิริยาต่างชาติ และแนวทางแก้ไข
รัฐบาลเยอรมนี และรัฐบาลนอร์เวย์ ได้ออกมาโจมตีรัฐบาลบราซิล ว่าหันหลังให้กับป่าแอมะซอน จนทำให้เกิดปัญหาไฟป่ารุนแรง พร้อมประกาศจุดยืนร่วมกันว่าจะระงับเงินสนับสนุนช่วยเหลือป่าแอมะซอน หากไม่เร่งหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ให้แล้วเสร็จ
ขณะที่ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ได้ทวีตข้อความแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาไฟไหม้ป่าแอมะซอน นับเป็นปัญหาสำคัญระดับนานาชาติ ตนและผู้นำประเทศกลุ่ม G7 จะนำเรื่องขึ้นประชุมหารือเป็นการฉุกเฉิน
"ป่าแอมะซอน คือป่าฝนเขตร้อนที่เป็นปอดของโลก ซึ่ง 20% ของออกซิเจนบนโลก มาจากป่าแห่งนี้ ป่าแห่งนี้กำลังถูกไฟไหม้ บ้านของเราก็กำลังมอดไหม้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือวิกฤตการณ์ระดับโลก ในการประชุม G7 อีก 2 วันข้างหน้า ผมอยากขอให้ผู้นำประเทศเร่งหารือเรื่องนี้เป็นการฉุกเฉินด้วยครับ" ผู้นำฝรั่งเศส กล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่านายโบลโซนาโรจะแสดงจุดยืนไม่ใส่ใจปัญหาไฟป่า แต่รัฐบาลในระดับท้องถิ่นของบราซิลก็พยายามหาทางแก้ไข โดยผู้ว่าการรัฐบราซิล 9 รัฐ ที่อยู่ในพื้นที่ป่าแอมะซอน ก็ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าจะเข้าหารือกับกองทุนป่าแอมะซอน เพื่อดับไฟป่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
5. การตื่นตัวบนโซเชียล แต่ต้องคิดก่อนแชร์
ข่าวไฟไหม้ป่าแอมะซอนได้ก่อให้เกิดการตื่นตัวบนสังคมออนไลน์ และได้มีการแชร์ภาพป่าที่กำลังถูกไฟไหม้ รวมไปถึงภาพสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบจากเปลวเพลิง แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าภาพเกือบทั้งหมดเป็นภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจาก เว็บไซต์มาเธอร์โจนส์ ระบุว่า รูปภาพไฟป่าจำนวนมากในทวิตเตอร์ เป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นนานมากแล้ว และหลายภาพก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อื่น อาทิ ไฟป่าที่สหรัฐอเมริกา ไฟป่าที่สวีเดน
ส่วนภาพไฟป่าจริง ๆ ที่ป่าแอมะซอนนั้น พบว่ามีเฉพาะภาพถ่ายจากดาวเทียมของสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล หรือไอเอ็นพีเอ กับภาพและคลิปจากหน่วยงานดับเพลิงท้องถิ่นเท่านั้น
ภาพจาก HO / NOAA / AFP
