สาวรีวิวถูกสถานีช่องดังเลิกจ้าง ให้เหตุผลเจ็บจี๊ดถึงใจ บอกเป็นตำแหน่งที่ไม่จำเป็น ทั้งที่ทุ่มเททำงานมาโดยตลอด มองถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ลั่นเจอกันที่ศาลแรงงาน
![ทีวีช่องดังเลิกจ้าง]( "ทีวีช่องดังเลิกจ้าง")
นับเป็นช่วงวิกฤตของวงการสื่อในบ้านเรา โดยเฉพาะสื่อทีวีดิจิทัล ซึ่งก็มี 7 ช่อง ตัดสินใจไม่ไปต่อ ขอคืนใบอนุญาตให้กับ กสทช. แต่ก็ยังมีหลายช่องที่ฮึดสู้ต่อ ซึ่งก็ต้องเอาตัวรอดด้วยการยุบรายการบ้าง ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง หรือแม้แต่จ้างพนักงานออกจำนวนมาก เช่นเดียวกับหญิงสาวคนนี้ ที่ถูกสำนักข่าวช่องหนึ่งเลิกจ้างเช่นกัน โดยให้เหตุผลเจ็บจี๊ดถึงใจ ระบุว่า เป็นตำแหน่งที่ไม่จำเป็น ทั้งที่เธอตั้งใจทุ่มเททำงานมาโดยตลอด
โดยเธอได้ออกมารีวิวการถูกเลิกจ้างครั้งนี้ โดยลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ ผ่านเฟซบุ๊ก Preeya Luck ระบุข้อความดังนี้...
รีวิวการถูกเลิกจ้าง
- ค่ะ ไม่ได้หูฝาดตาฝาดกัน เราถูกเลิกจ้างจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับงานอย่างที่พอจะได้เห็นกันผ่านเฟซบุ๊กนี้ (ซึ่งเป็นเพียงบางส่วนที่แชร์ให้เห็น เรื่องจริงเยอะกว่านั้น 280 เท่า)
- เท้าความก่อนเรื่องของความไม่มั่นคงในอาชีพ ตนเคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน มีเพื่อนร่วมงานโดนเลิกจ้างไปจำนวนหนึ่ง ครั้งนั้นเหตุผลคือผลประเมินกลางปีต่ำ ซึ่งตอนนั้นเอาตรง ๆ ก็กลัวอยู่ แต่ก็คิดว่าไม่น่าโดน เพราะผลประเมินค่อนข้างสูง (อยู่ในระดับต้น ๆ ของสถานี)
- ต้นเดือนนี้ ลูกน้องในทีม 2 คน โดนคอชั่น คือเสี่ยงจะโดนเลิกจ้าง เราก็ยังพยายามหาทางช่วยน้อง คือคิดว่าเราต้องรอดทั้งทีม เพราะงานที่ทุ่มเทไปเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน และผูกพันกับทุกคนในทีม
- เมื่อคืนมีคำสั่งให้สแตนด์บายรอการปรับโครงสร้างใหม่ เรายังวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ว่าคงแค่แจ้งตำแหน่งผู้บริหารใหม่ เพราะเพิ่งรับมา แต่พอน้องที่โดนคอชั่น 2 คน โดนให้ออก ก็ออกมาอยู่ในโลกจริงทันที 555
- หลังฟังผล น้องโปรดิวเซอร์ในทีมที่ถูกเลิกจ้างก็พากันมากินข้าวเที่ยง ยังช่วยกันคิดอยู่เลยว่าจะหางานให้น้องที่นั่นที่นี่ แต่ระหว่างกินข้าวก็มีแอดมินโทร. มา ให้ขึ้นไปพบผู้บริหาร
- หลังขึ้นไป ไม่ได้พบผู้บริหารจ้า พบ HR และหัวหน้างาน 2 คน จนไปนั่งในห้องก็ยังไม่คิดว่าจะโดน คิดว่าน่าจะเรียกมาด่าที่โฟนอินนักวิชาการในรายการ แล้วเค้าพูดแรง
- พอเค้าแจ้งว่าเราโดนเลิกจ้าง เพราะจะมีการควบรวมองค์กร ทำให้ตำแหน่งที่เราทำอยู่ "ไม่จำเป็น" แล้ว (โอ้โห เจ็บตรงนี้ นี่ท้าให้ไปถามใครก็ได้ในออฟฟิศว่าเราทุ่มเทกับงานแค่ไหน ถ้ามีคนตอบว่าไม่ใช่ ให้มาเหยียบหน้าเลย)
- ที่เสียใจคือ รายการที่เค้าสั่งให้เรามาทำโดยไม่เต็มใจ เพราะเรตติ้งต่ำ คือเราเริ่มปั้นมาจาก 0 จริง ๆ วางรูปแบบใหม่ หาพิธีกรใหม่ (ตามคำสั่ง) ซึ่งทุกกระบวนการคือเราทำเองทั้งหมด ตั้งแต่หาเบอรโทร. ติดต่อ พรีเซนต์จนผ่าน ต่อรองราคายังต้องทำเอง แล้วเรตติ้งมันก็ค่อย ๆ โต คอนเทนต์มันก็ค่อย ๆ ลงตัว ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี
- พูดได้เลยว่าการถูกย้ายมาทำข่าวเช้า มันเหมือนถูกสั่งให้เดินขึ้นภูเขาที่สูงมาก ๆ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรให้แม้แต่รองเท้า คือต้องเดินเท้าเปล่าขึ้นภูเขา โดนจี้ให้วิ่งเร็ว ๆ ทุกวัน ระหว่างทางไม่มีน้ำให้กิน ต้องดิ้นรนหาน้ำจากห้วยหนองคลองบึง อ้าปากรับน้ำฝนกันตาย แต่พอเริ่มเดินได้ไกลขึ้นสูงขึ้น คนที่สั่งให้เดินกลับมาถามว่าเดินทำไม และตอนนี้ก็โดนคนเดียวกันนั่นแหละถีบลงเขา
- ความเสียใจที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากการกลัวว่าจะตกงานหรืออะไร แค่เสียดายความทุ่มเท เสียดายเวลาที่ควรจะได้อยู่กับลูก เสียดายเวลาที่จะได้อยู่กับแฟน เสียดายเวลาที่จะได้ออกกำลังกาย นอนพักผ่อนเต็มที่ หรือไปพบปะเพื่อนฝูงอย่างมนุษย์ปกติเค้าทำกัน
- แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปแหละนะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัวที่ไม่เคยตำหนิ มีแต่ให้กำลังใจ เพื่อนทุกคนที่เป็นเดือดเป็นแค้นแทน กัลยาณมิตรในที่ทำงานที่เห็นว่าสิ่งที่เราโดนมันไม่เป็นธรรม
- สุดท้ายที่อยากจะบอกคือ เจอกันที่ศาลแรงงานนะจ๊ะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Preeya Luck
โดยเธอได้ออกมารีวิวการถูกเลิกจ้างครั้งนี้ โดยลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ ผ่านเฟซบุ๊ก Preeya Luck ระบุข้อความดังนี้...
รีวิวการถูกเลิกจ้าง
- ค่ะ ไม่ได้หูฝาดตาฝาดกัน เราถูกเลิกจ้างจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับงานอย่างที่พอจะได้เห็นกันผ่านเฟซบุ๊กนี้ (ซึ่งเป็นเพียงบางส่วนที่แชร์ให้เห็น เรื่องจริงเยอะกว่านั้น 280 เท่า)
- เท้าความก่อนเรื่องของความไม่มั่นคงในอาชีพ ตนเคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน มีเพื่อนร่วมงานโดนเลิกจ้างไปจำนวนหนึ่ง ครั้งนั้นเหตุผลคือผลประเมินกลางปีต่ำ ซึ่งตอนนั้นเอาตรง ๆ ก็กลัวอยู่ แต่ก็คิดว่าไม่น่าโดน เพราะผลประเมินค่อนข้างสูง (อยู่ในระดับต้น ๆ ของสถานี)
- ต้นเดือนนี้ ลูกน้องในทีม 2 คน โดนคอชั่น คือเสี่ยงจะโดนเลิกจ้าง เราก็ยังพยายามหาทางช่วยน้อง คือคิดว่าเราต้องรอดทั้งทีม เพราะงานที่ทุ่มเทไปเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน และผูกพันกับทุกคนในทีม
- เมื่อคืนมีคำสั่งให้สแตนด์บายรอการปรับโครงสร้างใหม่ เรายังวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ว่าคงแค่แจ้งตำแหน่งผู้บริหารใหม่ เพราะเพิ่งรับมา แต่พอน้องที่โดนคอชั่น 2 คน โดนให้ออก ก็ออกมาอยู่ในโลกจริงทันที 555
- หลังฟังผล น้องโปรดิวเซอร์ในทีมที่ถูกเลิกจ้างก็พากันมากินข้าวเที่ยง ยังช่วยกันคิดอยู่เลยว่าจะหางานให้น้องที่นั่นที่นี่ แต่ระหว่างกินข้าวก็มีแอดมินโทร. มา ให้ขึ้นไปพบผู้บริหาร
- หลังขึ้นไป ไม่ได้พบผู้บริหารจ้า พบ HR และหัวหน้างาน 2 คน จนไปนั่งในห้องก็ยังไม่คิดว่าจะโดน คิดว่าน่าจะเรียกมาด่าที่โฟนอินนักวิชาการในรายการ แล้วเค้าพูดแรง
- พอเค้าแจ้งว่าเราโดนเลิกจ้าง เพราะจะมีการควบรวมองค์กร ทำให้ตำแหน่งที่เราทำอยู่ "ไม่จำเป็น" แล้ว (โอ้โห เจ็บตรงนี้ นี่ท้าให้ไปถามใครก็ได้ในออฟฟิศว่าเราทุ่มเทกับงานแค่ไหน ถ้ามีคนตอบว่าไม่ใช่ ให้มาเหยียบหน้าเลย)
- ที่เสียใจคือ รายการที่เค้าสั่งให้เรามาทำโดยไม่เต็มใจ เพราะเรตติ้งต่ำ คือเราเริ่มปั้นมาจาก 0 จริง ๆ วางรูปแบบใหม่ หาพิธีกรใหม่ (ตามคำสั่ง) ซึ่งทุกกระบวนการคือเราทำเองทั้งหมด ตั้งแต่หาเบอรโทร. ติดต่อ พรีเซนต์จนผ่าน ต่อรองราคายังต้องทำเอง แล้วเรตติ้งมันก็ค่อย ๆ โต คอนเทนต์มันก็ค่อย ๆ ลงตัว ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี
- พูดได้เลยว่าการถูกย้ายมาทำข่าวเช้า มันเหมือนถูกสั่งให้เดินขึ้นภูเขาที่สูงมาก ๆ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรให้แม้แต่รองเท้า คือต้องเดินเท้าเปล่าขึ้นภูเขา โดนจี้ให้วิ่งเร็ว ๆ ทุกวัน ระหว่างทางไม่มีน้ำให้กิน ต้องดิ้นรนหาน้ำจากห้วยหนองคลองบึง อ้าปากรับน้ำฝนกันตาย แต่พอเริ่มเดินได้ไกลขึ้นสูงขึ้น คนที่สั่งให้เดินกลับมาถามว่าเดินทำไม และตอนนี้ก็โดนคนเดียวกันนั่นแหละถีบลงเขา
- ความเสียใจที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากการกลัวว่าจะตกงานหรืออะไร แค่เสียดายความทุ่มเท เสียดายเวลาที่ควรจะได้อยู่กับลูก เสียดายเวลาที่จะได้อยู่กับแฟน เสียดายเวลาที่จะได้ออกกำลังกาย นอนพักผ่อนเต็มที่ หรือไปพบปะเพื่อนฝูงอย่างมนุษย์ปกติเค้าทำกัน
- แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปแหละนะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัวที่ไม่เคยตำหนิ มีแต่ให้กำลังใจ เพื่อนทุกคนที่เป็นเดือดเป็นแค้นแทน กัลยาณมิตรในที่ทำงานที่เห็นว่าสิ่งที่เราโดนมันไม่เป็นธรรม
- สุดท้ายที่อยากจะบอกคือ เจอกันที่ศาลแรงงานนะจ๊ะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Preeya Luck
