เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา ประหารชีวิต 2 แรงงานพม่า คดีเกาะเต่า ยัน ดีเอ็นเอมัดตัว มีขั้นตอนตรวจละเอียด ไร้พยานหลักฐานเท็จปรักปรำ
ซึ่งครั้งแรก จำเลยก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องสงสัย
แต่เมื่อยังไม่ชัดเจนจึงยังไม่ถูกดำเนินคดี
กระทั่งตรวจดีเอ็นเอจากเยื่อบุกระพุ้งแก้มจำเลย
ตรงกับการตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อปรักปรำจำเลย
เพราะในการสอบสวนต้องใช้เวลา, บุคลากรจำนวนมาก รวมทั้งงบประมาณ
หากจะสร้างพยานหลักฐาน คงไม่ต้องให้สิ้นเปลืองทั้งบุคลากรและงบประมาณ
พยานหลักฐานโจทก์ จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย
ข้อฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น
ศาลจึงพิพากษายืนให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสองสถานเดียว
จากกรณี วันนี้ (29 สิงหาคม) ศาลฎีกา
ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ให้ประหาร 2 แรงงานชาวพม่า คือ นายซอลิน
และนายเวพิว ฐานข่มขืนฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ คือ น.ส.ฮันนาห์
วิคตอเรีย วิเทอริดจ์ อายุ 24 ปี และนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24
ปี ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557
นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไทยโพสต์ รายงานว่า คำพิพากษาของศาลระบุว่า คดีนี้มีพยานหลักฐาน
รวมทั้งผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ)
ตรงกับจำเลย โดยมีการตรวจเก็บดีเอ็นเอทั้งคนไทยและต่างชาติที่อาจจะเกี่ยวข้องจำนวนมาก
และมีการใส่ถุงมือป้องกันการปนเปื้อน ใช้น้ำยาตรวจที่มีคุณภาพ
เครื่องตรวจอัตโนมัติมีมาตรฐานในการตรวจพิสูจน์
เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน
และพิจารณาดูประเด็นข้อสงสัยต่าง ๆ ทีละประเด็น
โดยตัดผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปทีละคน ทีละประเด็น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงจำเลย

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @ianyarwood_law
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก