ทนายเผย 2 หนุ่มเมียนมา ทำใจแล้วว่าประหาร - จ่อยืนฎีกา ปฏิเสธไม่ใช่ฆาตกร

          ทนายเตรียมยื่นฎีกาอภัยโทษ อย่าประหาร 2 หนุ่มเมียนมา คดีเกาะเต่า เผย ทุกวันนี้ทั้งคู่ยังคงปฏิเสธไม่ใช่ฆาตกร แต่ทำใจไว้แล้วกับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่คงยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คือประหารชีวิต


          จากกรณีศาลฎีกา ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ประหาร 2 แรงงานชาวพม่า คือ นายซอลิน และ นายเวพิว ฐานข่มขืนฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ คือ น.ส.ฮันนาห์ วิคตอเรีย วิเทอริดจ์ อายุ 24 ปี และนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 โดยคำพิพากษาศาลฎีกา ระบุว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานแน่นหนา รวมทั้งผลดีเอ็นเอตรงกับจำเลย มีขั้นตอนตรวจละเอียด ไร้พยานหลักฐานเท็จปรักปรำ นั้น

อ่านข่าว : แจงข้อสงสัย ปมสร้างหลักฐานเท็จ คดีเกาะเต่า บทสรุปประหาร 2 หนุ่มเมียนมา

          ล่าสุด (30 สิงหาคม 2562) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายนคร ชมพูชาติ ทนายความของนายซอลิน และนายเวพิว ให้สัมภาษณ์หลังรับฟังคำพิพากษาชั้นฎีกา เผยว่า น้อมรับคำพิพากษา แต่ส่วนตัวมองว่า คดีนี้มีปัญหามาตั้งแต่การสื่อสารของตัวจำเลย ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ที่จำเลยไม่เข้าใจว่า คำให้การกับตำรวจตอนแรกนั้น เป็นการให้การแบบรับสารภาพ หรือให้การในฐานะพยาน

          ส่วนสิ่งยังติดใจอยู่คือ ข้อมูลทางวิชาการ เช่น มาตรฐานการตรวจหลักฐานพยานในที่เกิดเหตุ ว่าสิ่งใดเรียกว่าเป็นมาตรฐาน รวมถึงประเด็นเรื่องกล้องวงจรปิด ที่เจ้าหน้าที่บอกว่าเช็กทุกกล้องวงจรปิดในหลายจุด แต่กลับไม่พบกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่เห็นจำเลยเดินออกมา

          อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะไปยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ภายใน 60 วัน ขอให้อย่าประหารชีวิต และจะไปอธิบายให้จำเลยทั้ง 2 ทราบถึงขั้นตอนในการช่วยเหลือ รวมถึงครอบครัวของจำเลยด้วย ซึ่งจนถึงทุกวันนี้จำเลยทั้ง 2 ยังปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ก็ได้ทำใจไว้แล้วว่า ศาลฎีกาคงยืนตามตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คือประหารชีวิต

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก