สัมภาษณ์เปิดใจ เต้ มงคลกิตติ์ เล่าวิธีจีบภรรยา - พร้อมตอบเอ๋ ช่อ ใครสวยกว่ากัน

 
           สัมภาษณ์เปิดใจ เต้ มงคลกิตติ์ รับ เคยเกือบเข้าวงการ แต่ไม่ได้เข้าเพราะไม่อยากเสียตัวให้ผู้ชาย พร้อมเล่าวิธีจีบภรรยา และเปรียบเทียบ เอ๋ ช่อ ภรรยา ใครสวยที่สุด

              แซ่บต่อเนื่องกับรายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ทาง เนชั่น ทีวี ช่อง 22 ที่วันนี้ (5 กันยายน 2562) "ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" จะพาไปคุยกับแขกรับเชิญคนดังในโลกโซเชียลและแวดวงการเมือง อย่าง "มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์" หรือ "เต้ พระราม 7" ที่มาเผยเรื่องลับ ๆ กันทุกซอก


การเป็น ส.ส. เหมือนหรือต่างจากที่ฝันเอาไว้ ?


ที่คุณตั้งใจต้องคิดเยอะ ?

              "ใช่ และต้องใช้เวลา กระบวนการต่าง ๆ ต้องมีขั้นตอนระเบียบแบบแผน ตามระบบราชการ"

ฤทธิ์เดชเขี้ยวเล็บหายไปไหม ?

              "วิธีการทำให้ผมทำงานได้ง่ายไม่ติดระบบราชการ หรือระบบวิป ผมเลยจำเป็นต้องออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ผมทำงานง่ายขึ้น ไม่ต้องเกรงใจเพื่อนพ้องน้องพี่มากเกินไป มันมีสองอย่างถ้าจะทำให้พี่น้องประชาชนรักมาก ๆ ต้องทำให้สำเร็จ ทำด้วยความจริงใจ แต่อาจไปขัดผลประโยชน์ระบบราชการ ขัดผลประโยชน์พวกพ้อง เราต้องเลือกระหว่างประชาชนและเพื่อนพ้องพรรคพวก เพราะฉะนั้นผมเลือกเป็นตัวผมดีกว่า ผมตั้งใจมาเป็นผู้แทนราษฎร ผมต้องเลือกประชาชนเป็นหลัก ส่วนพวกพ้องเพื่อน ๆ จะรักหรือไม่รักก็ไม่เป็นไร ผมขัดผลประโยชน์ก็ต้องขอโทษด้วย มีความจำเป็นต้องขัด ต้องแย่งผลประโยชน์จากคนบางกลุ่มมาให้พี่น้องประชาชน มันจำเป็นต้องทำ"

สมัยโจ๋ ๆ เขาว่าเรื่องฉาวโฉ่ที่สุดของคุณ โม้เป็นนักเลงโต ตีกับสถาบันโน่นนี่นั่นเป็นเรื่องมโนทั้งสิ้น ?

              "ไม่ได้มโน มีส่วนจริงเกิน 50 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ที่เหลืออาจพูดด้วยความมันตอนไลฟ์ เรื่องจริงอาจโหดร้ายยิ่งกว่าที่ผมพูดก็ได้ ซึ่งบางทีมันพูดไม่ได้ ไม่ได้โม้ซะเยอะ มีความจริงอยู่ในนั้นพอสมควร"

ซุกกระโปรงผู้หญิงมาจากไหน ?

              "เวลามีเรื่องเราก็ให้ผู้หญิงช่วย แต่ผู้หญิงจะมาช่วยได้ยังไง มีแค่สมัยหนึ่ง ผมสู้ไม่ได้ ให้พี่สาวช่วย พี่สาวคบวัยรุ่นเกกมะเหรกเกเรมาช่วยกัน มันเป็นระบบการคุ้มครอง"

เป็นเด็กเกเรคนหนึ่ง ?

              "ไม่ใช่ เป็นเด็กเรียบร้อย เด็กเรียน มาเกเรบ้างหลังมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนอายุ 15"

เที่ยวผับ เที่ยวกลางคืน ?

              "พอใช้ได้อยู่ประมาณ 3 ปี"

ถึงขนาดติดคุกเลย ?


คุณงก ขี้เหนียว ขนาดเงินกวดวิชา จ่ายแค่คอร์สเดียว ที่เหลือไปขอเลกเชอร์จากเพื่อน ?

              "เรามาเรียนกรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายเยอะ ค่าเทอม ค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน เราต้องกู้ กยศ. ตั้งแต่ปี 1 ใช้หมดตั้งแต่ปี 2557 เพียงแต่เราก็ต้องเขียม รายจ่ายไม่พออยู่แล้ว ไปเที่ยวไม่ได้ ต้องหารายได้เพิ่มระหว่างเรียน ก็อาจไปตีสนุ้กบ้าง เล่นผีลาย ผมเล่นได้ตลอด โดยปกติผมเป็นคนดวงดี"
 
ของกินคุณยังงกเลย พวกกล้วยปิ้ง ถั่วแปบ ยังงก ไม่ยอมแบ่งใคร ?

              "เป็นเรื่องส่วนตัวตั้งแต่เด็ก ๆ เชื่อมมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้มีงกบ้างเล็กน้อย ถ้าไม่มีบุคคลสำคัญมาขอก็จะไม่ให้ ทำไมต้องงก เพราะมันอร่อย ซื้อเยอะ ๆ ก็เปลือง"

คุณประหยัดถึงขั้นป่วย บอกหมอไม่ต้องจัดยา ขอจัดยาเอง ?

              "ถูกต้องครับ ผมมีความรู้ด้านสมุนไพร ก็เรียนรู้ อากงเขาขายยาสมุนไพรจีนอยู่แล้วที่พิษณุโลก เผอิญมีเพื่อน ๆ รุ่นปู่รุ่นพ่อที่เขาทำสมุนไพร เราก็กินสมุนไพร เขาทำโรงงานสมุนไพร แต่อุปกรณ์ตรวจสอบว่าร่างกายมีไขมันอุดตันในเส้นเลือดไหม หัวใจเต้นผิดจังหวะไหม มีปริมาณเม็ดเลือดผิดปกติไหม เราสามารถใช้อุปกรณ์ที่โรงพยาบาลวัดได้ พอรู้ว่ามีปัญหาตรงไหนก็สั่งยาของเราเอง กินยาสมุนไพรดูแลตัวเองมาหลายปีแล้วครับ ร่วม 10 ปีแล้ว"

ทุกวันนี้ยังออกกำลังกายอยู่ไหม ?


ทำไมชอบเพาะกาย ?

              "เมื่อก่อนตัวเล็ก ผอม สูง แต่สู้คนอื่นไม่ได้ เราก็ทำร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ทำตัวเองให้ใหญ่ขึ้น หน้าอกใหญ่ขึ้น มีกล้าม เวลามีเรื่องกับใคร เขาเอาไม้มาฟาดหลังจะได้มีความอดทนกว่าเพื่อน"

ไม่ได้อยากเป็นนายแบบ ถึงขนาดเข้าประกวดโดมอนแมน ?

              "ถ้าประกวดแล้วได้ตังค์ก็โอเค ตอนนั้นน่าจะอายุ 15 เมื่อก่อนผอม แต่ตอนอยู่ปี 2 ปี 3 ปริญญาตรีแล้ว ผมออกกำลังกายวันละ 3 ชั่วโมง วัน ๆ ไม่ทำอะไร เรียนก็เข้าเรียนบ้างไม่เข้าบ้าง เขาไม่ได้เช็กชื่อ เน้นอ่านหนังสือเอา เราก็อยู่ยิมตลอด ผมเน้นเป็นนักกีฬา เอาไว้โชว์สาวด้วยนิดหน่อย เวลาว่ายน้ำจะได้สนุก ๆ"

เข้ารอบไหน ?

              "แค่คัดเลือกรูปผ่านก็จบแล้ว เราก็ตกรอบตั้งแต่ต้น ๆ แล้ว สมัยนั้นต้องอาศัยหลาย ๆ อย่าง"

มีคนชักชวนคุณเข้าวงการ ?

              "เพื่อนผมเป็นดารากันหมด แต่เพื่อนผมต้องไปอยู่กับโมเดลลิ่ง ผมก็รู้สึกไม่ดี"


กลัวเสียตัวเหรอ ?

              "ก็ใช่ไง เสียตัวกับผู้ชายด้วยกันก็กระไรอยู่นะ ผมเช็กเพื่อนผมแล้วที่เข้ารอบเกือบทุกคน บางคนเฉพาะกลุ่มที่รู้จักนะ อย่าไปเหมาทั้งวงการก็คงไม่ได้ เพื่อนผมก็ได้รถมาขับ ได้ครบ แต่ต้องเสียความเป็นชายก็ไม่ไหวนะ เสียให้ผู้ชายไม่ไหว รับไม่ได้ แต่เพื่อนผมรับได้ เขาก็ได้เติบโตไป"

ล่าสุดคุณเพิ่งจดทะเบียนใหม่อีกครั้ง แต่จดทะเบียนกับภรรยาคนแรก คืออะไร ทำไมต้องกลับไปจดกับเขาอีกครั้ง ?
             
              "เป็นความชอบธรรมด้านกฎหมาย แล้วเป็นการให้เกียรติเขาด้วย อีกอย่างมีลูกด้วยกันตั้ง 4 คน ตอนเลิกกันก็ดูแลตลอด ช่วงที่เลิกมา 10 ปี เคยจดทะเบียนไปปี 2551 แล้วหย่ากันประมาณต้นปี 2553 แล้วก็มาแต่งงานกับอีกคนหนึ่งปี 2556 มาหย่าเมื่อปี 2561"

ทำไมกลับไปจดทะเบียนกับคนแรก ?

              "เป็นสิ่งที่ควรทำ ก็กลับไปคบกันเหมือนเดิม กับคนที่สองหย่ากันแล้วแต่ก็ทำงานด้วยกัน ต้องอย่าลืมว่าปกติเวลาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เวลายื่นบัญชีทรัพย์สินก็เกี่ยวเรื่องนี้ด้วย เกี่ยวเรื่องสถานะ ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามกฎหมายของคนเป็นภรรยาของคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สถานภาพทางสังคมก็ต้องให้เกียรติผู้หญิงเขา ผมก็ยอมรับว่าผมผิดกับภรรยาคนแรก แต่ผิดไปแล้วจะให้ผมชดเชยด้วยอะไร ผมก็ต้องชดเชยด้วยการทำให้มันดีขึ้น ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ผมไม่ได้เป็นคนเลว ผู้ชายไม่มีใครทำถูกหมด"

จะอ้างว่าทำเหมือนผู้ชายทั่ว ๆ ไป ?

              "ไม่ใช่ครับ ชีวิตมนุษย์ก่อนผมมาแต่งงานมีลูก ผมก็มีแฟนหลายคน และมีปัญหากันมาเรื่อย ๆ"

              "น่าจะเกลียดมาก ใช้ได้ ตอนผมจีบใหม่ ๆ ผมก็วางแผนพาแกไปเที่ยวกลางคืน กะมอมยา (หัวเราะ) เป็นความคิดของเพื่อนผม ผมเลยชวนภรรยาคนที่มีลูกด้วยไปเที่ยวแล้ววางแผนกับเพื่อน ๆ แต่เป็นแค่ความคิด เผอิญเขาไม่ได้ไป เขาน่าจะไหวตัวทัน (หัวเราะ) กว่าจะจีบเขาติดต้องใช้ความพยายามพอสมควร ใช้ความพยายามอยู่หลายปี ไม่รู้เหมือนกันทำไมเขาเกลียดผม ผมเห็นผู้หญิงคณะอื่นก็ชอบผม เขาเกลียดผม ผมก็สงสัย"

อยากเอาชนะมีส่วนไหม ?

              "มีส่วนที่อยากเอาชนะ"

คุณนั่งรถแท็กซี่ไปดักหน้ารถเมล์ชวนเขาไปกินข้าว ?

              "ใช่ครับ จีบผู้หญิงก็ต้องใช้ความพยายาม"

ตื่่นตี 4 ทุกวัน เป็นเวลา 8 เดือน ดูแลรับ-ส่งเขา ?

              "ใช่ครับ จากที่บ้านไปถึงที่ทำงาน ตอนนั้นผมมีรถยนต์แล้ว มีคนจีบเขาหลายคน ผมต้องทำคะแนน ต้องวางยาคนอื่นให้เรียบร้อยให้หมด ต้องกันทุกคน ผู้ชายจีบหลายคน เราวางแผนกำจัด ต้องไปคุมตั้งแต่ตี 4 ตอนจีบ ๆ กันอยู่เขาก็มีแฟนอยู่แล้วนะ ผมเคยคุยกับแฟนเก่าเขาว่ามึงเลิกกับผู้หญิงคนนี้ได้ไหม ผมชอบผู้หญิงคนนี้ ผมอยากได้ก็ต้องได้ ดูมาเฟียไหม"

แฟนพูดยังไงกับคุณ ?
             
              "เขาก็เกลียดผมมมาก ผมดูละครมาเยอะ ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเสียตัวกับผู้ชายเลว พระเอกมาช้ากว่าโจรทุกครั้ง จำเลยรักก็เสร็จโจร ผมมองว่าผู้หญิงชอบอรรถรส ผู้ชายมีสีสัน"
 
ตอนนี้หยุดหรือยัง ?


ให้คุณช่วยวางลำดับความสวย ระหว่างภรรยา คุณช่อ คุณเอ๋ ปารีณา ?

              "ใครตั้งคำถาม ถ้าผมพูดไปจะมีปัญหากันอีก ผมต้องบอกว่าภรรยาผมสวยกว่า แต่คุณเอ๋เขามีตำแหน่งมาก่อน เคยประกวดนางงาม ขาเขายาวนะ ผมดูที่สภา"

แอบดูขาคุณเอ๋เหรอ ?

              "เขาก็ดูกันหมด ผู้หญิงคนนี้สูงดี ถ้าเตะก้านคอก็คงโดนเหมือนกัน คุณเอ๋ก็สวยตามสไตล์เขา ตัวจริงสวยสไตล์ราชบุรี"

คุณช่อล่ะ ?

              "สวยสไตล์เด็กจุฬาฯ ถ้าอันดับหนึ่งภรรยา อันดับสองก็เอ๋ ปารีณา แต่ต้องลดอายุหน่อย แต่ถ้าความสดต้องคุณช่อ แก่นแก้วดี มีหลายคนให้ผมโจมตีคุณช่อ ผมบอกว่าเขาน้องผม รู้จักกัน เขาเป็นคนนิสัยดี น่ารักดี ผมก็เป็นห่วงเรื่องคดีความเขา บอกว่ามีอะไรต้องระวัง อย่าไปเกินเลย ถ้าติดคดีไปจะเสียหาย อีกอย่างเขากำลังจะแต่งงานด้วย"

จีบไหม ?

              "จีบได้ไง เขารู้สถานภาพผมอยู่แล้ว ผมมีเพื่อน ๆ ส.ส. หลายคน เขารู้ประวัติผมอย่แล้ว ไม่รู้เขาซีเรียสเรื่องพวกนี้หรือเปล่า"

ยังเจ้าชู้ไม่หยุดอีกเหรอ ?

คุณเคยสนิทกับคุณมาร์ค พิทบูล ยังรักกันดีอยู่ไหม ?

              "รักกันมาก รักกันเหมอนเดิม เรื่องการเมืองมีหักเหลี่ยมกันบ้าง"

เกิดอะไรทำไมพี่น้องทะเลาะกัน ?

              "จริง ๆ พี่มาร์คแกเป็นผู้ชายที่ดี แต่ ณ ตอนนี้แกลาออกจากหัวหน้าพรรค ผมก็ถามว่าทำไมไม่กลับเข้ามาอยู่กรรมการบริหารพรรคใหม่ แกบอกว่าขอทำธุรกิจก่อน เปิดสาขาเยอะ เปิดในห้างคนกินกาแฟแกเยอะ ต้องหาเงินก่อน ทำงานการเมืองต้องเสียเงิน เสียเงินไม่พอ ต้องเสียเวลาด้วย"

แค่กลับไปทำธุรกิจเหรอ ไม่ได้ทะเลาะเรื่องมุมมองการเมืองเหรอ ?

              "แกยังเป็นสมาชิกพรรคเยอะ ยังคงสถานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เบอร์สอง ถ้าผมเกิดแอคซิเดนต์ทางกฎหมาย แกคือ ส.ส. คนถัดไปของพรรคไทยศรีวิไลย์ ถ้าเลือกตั้งซ่อม มีคะแนนขึ้นมาแกก็ได้นะ ก็ยังห่วงใยยังคุยกัน"

คุณได้คะแนนนส่วนหนึ่งมาจากมาร์ค ?

              "เรื่องนี้ต้องยอมรับ มีคะแนนจากพี่มาร์คครึ่งหนึ่ง จากตัวผู้สมัครครึ่งหนึ่ง เราก็เคลียร์กันแล้ว ผมมีอะไรที่ทำให้พี่มาร์คไม่สบายใจ ผมก็ขอโทษด้วย"

คุณสร้างภาพลงพื้นที่น้ำท่วม โพสต์ว่าช่วยออกเงิน 2 หมื่น ?

              "ผมทำมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทำ ทำมาตลอด 10 ปี เอาเงินจากบัญชีผม เงินเดือน ส.ส. แสนนึงน้อยมาก ตอนทำงานเอกชนได้เงินเยอะกว่านี้ ก็ให้ภรรยาไปทำธุรกิจแทน เขาน่าจะมีมากกว่าผม ไม่พอก็ต้องขอภรรยา หรือไม่ก็ไถเพื่อนบ้าง ถ้าเจอลุงป้อมก็จะยืมนาฬิกาสักเรือน เจอนายกฯ ก็จะยืมนายกฯ"

คุณเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่เขาบอกว่าคุณคือหมาหัวเน่า ?

              "แล้วแต่คนมากกว่า ถ้ารัฐบาลก็มองหมาหัวเน่า แต่ลึก ๆ ต้องไปถามผู้นำรัฐบาล ผมไม่สนใจฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ผมสนใจว่าผมสามารถทำตามหน้าที่ของผมได้อิสระ ไม่ชอบอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ไม่ชอบระบบอุปถัมภ์ มีอะไรก็ชี้แจงแถลงไขได้ตรง ๆ จะซื้อเครื่องบินก็ขวางได้ ขวางอะไรก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ ไม่เข้าร่วมฝ่ายค้านเพราะมีหลายคดีที่ผมตามเก็บฝ่ายเขาอยู่พอสมควร ผมอยู่ฝ่ายประชาชนก็ต้องเล่นงานฝ่ายคอร์รัปชัน"

สายตามองคุณเคียดแค้นเยอะไหมเวลาเข้ารัฐสภา ?

              "นิดหนึ่งเสียวสันหลัง คนดี สุจริตไม่กลัวผม คนทุจริตจะกลัวผม ขนพองสยองเกล้าเลยแหละ สยอง ถามว่าอยากให้ผมคอร์รัปชันไหมล่ะ จะทำให้ดู อยากให้เป็นอะไรก็ทำอย่างนั้น"

เจอข่าวมาก ภรรยาให้กำลังใจยังไง ?

              "เดี๋ยวก็จางไปเอง แต่แม่เครียดมากตอนมีข่าวอยากให้ลาออกจาก ส.ส. ร้องไห้ประมาณ 7-8 วัน แม่ผมไม่ใช่นักการเมือง เขาเลยไม่รู้แรงเสียดทานทางการเมืองเป็นยังไง แต่ผมผ่านมาหมดทุกสมรภูมิ ผมชา ผมชิน รับมือได้กับทุกอย่าง"

แม่ร้องไห้เพราะเรื่องผู้หญิง ?