ศาลฎีกา พิพากษาเพิ่มโทษบุญทรง จำคุกคดีข้าวจีทูจีเป็น 48 ปี ชี้ ฝืนมติรัฐมนตรี ทำให้เกิดการทุจริต
องค์คณะในชั้นอุทธรณ์ยังพิพากษาให้จำคุกจำเลยอีก 3 คน ได้แก่ นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท จำเลยที่ 26 และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท จำเลยที่ 28 คนละ 4 ปี พร้อมปรับคนละ 25,000 บาท และให้จำคุก นายทวี อาจสมถะ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อีก 8 ปี พร้อมปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกของทั้ง 3 ให้รอไว้ 3 ปี องค์คณะในชั้นอุทธรณ์ยังพิพากษาให้ปรับจำเลยอีก 4 ราย ที่เป็นบริษัทต่าง ๆ ที่ตกนิติบุคคล รายละ 25,000 บาท
ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งให้จำเลยที่
10, 14 และ 15 ร่วมกันชำระเงิน จำนวน 20,057 ล้านบาท นอกจากนี้
ยังให้จำเลยอีก 6 ราย
ร่วมกันชำระเงินเป็นค่าเสียหายทางแพ่งตามคำสั่งที่ศาลมีคำสั่งไว้ด้วย
โดยในวันนี้องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดและออกคำบังคับในส่วนแพ่งตามคำพิพากษาแล้ว
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 สำนักข่าว INN รายงานว่า
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์คดีโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
โดยองค์คณะในชั้นอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพิ่มอีก 6 ปี รวมแล้วให้จำคุก 48 ปี
โดยเห็นว่า นายบุญทรงพร้อมด้วยนายภูมิ สาระผล
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นจำเลยที่ 1
เห็นชอบให้ทำและแก้ไขสัญญาซื้อ-ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐที่ไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
ซึ่งทำให้เกิดการทุจริต
องค์คณะในชั้นอุทธรณ์ยังพิพากษาให้จำคุกจำเลยอีก 3 คน ได้แก่ นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท จำเลยที่ 26 และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท จำเลยที่ 28 คนละ 4 ปี พร้อมปรับคนละ 25,000 บาท และให้จำคุก นายทวี อาจสมถะ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อีก 8 ปี พร้อมปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกของทั้ง 3 ให้รอไว้ 3 ปี องค์คณะในชั้นอุทธรณ์ยังพิพากษาให้ปรับจำเลยอีก 4 ราย ที่เป็นบริษัทต่าง ๆ ที่ตกนิติบุคคล รายละ 25,000 บาท
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN







