สาวจีนขายลูกกิน แบ่งขายลูกชายฝาแฝด ได้เงิน 280,000 บาท ซื้อโทรศัพท์ใหม่ ใช้หนี้บัตรเครดิต ด้านผัวผีพนันซมซานกลับมาหา ขอส่วนแบ่งค่าขายลูก โปะหนี้พนัน
วันที่ 9 กันยายน 2562 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า หญิงสาวชาวจีน แซ่หม่า อายุ 20 ปี ได้ขายลูกชายฝาแฝดเพื่อหาเงิน โดยเธอทำไปเพราะไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหน เพราะเป็นการตั้งท้องแบบไม่ได้ตั้งใจ แถมพ่อของลูกเป็นผีพนัน หม่าขายลูกได้เงินมาไม่น้อย ซึ่งเธอก็เอาเงินก้อนนี้มาโปะหนี้สินส่วนตัว เมื่อพ่อของลูกรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากเขาจะไม่ว่าอะไรแล้ว ยังแบมือขอส่วนแบ่งอีกด้วย
เรื่องราวชวนสลดใจดังกล่าวเกิดขึ้นที่มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน โดยหม่าคบหาดูใจอยู่กับชายหนุ่มที่ชื่อ อู๋หนาน เขาเป็นคนติดการพนันเป็นอย่างมาก และมีหนี้ท่วมหัว ได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาไปลงกับการพนันจนหมด ตัวหม่าเองก็หนี้ท่วมหัวไม่แพ้กัน รูดบัตรเครดิตอย่างเมามันจนยอดหนี้ค้ำคอ
ทั้งสองคนคบกันจนหม่าตั้งท้อง ซึ่งเป็นการท้องที่ทั้งคู่ไม่ต้องการ เธอไม่ได้บอกพ่อแม่เรื่องนี้ ส่วนพ่อหนุ่มหนานก็โบกมือลาจาก ไม่รับผิดชอบอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังจากคลอดลูกได้ประมาณ 1 สัปดาห์ หม่าแทบไม่มีเงินติดตัวเลยสักแดงเดียว จะขอพ่อแม่ก็ไม่ได้ จะไปขอแฟนหนุ่มก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เช่นกัน และเงินที่จะเดินทางยังไม่มี เธอจึงตัดสินใจขายลูกกิน
หม่าได้เงินจากการขายลูกชายคนแรก 45,000 หยวน หรือราว 193,300 บาท ส่วนลูกชายคนที่สองขายไปในราคา 20,000 หยวน หรือประมาณ 86,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 65,000 หยวน หรือเกือบ ๆ 280,000 บาท
ภาพจาก kwongwah.com.my
หลังจากได้เงินก้อนใหญ่ หม่าก็จัดการใช้หนี้บัตรเครดิต และซื้อโทรศัพท์ใหม่เป็นรางวัลให้ตัวเอง ซึ่งเมื่ออู๋หนานรู้ข่าวว่าแฟนสาวร่ำรวยจากการขายลูกชายฝาแฝด เขาจึงซมซานกลับไปหาเธอ ง้อขอคืนดี พร้อมขอเงินส่วนแบ่งในฐานะพ่อของเด็ก เพราะต้องการเอาไปใช้หนี้การพนัน
แต่เคราะห์ดีสำหรับหนูน้อยทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามการเคลื่อนไหวเรื่องการขายเด็ก จนกระทั่งสามารถติดตามพบตัวสามีภรรยาที่ซื้อเด็กไปได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยจนจับกุมหม่าและแฟนหนุ่มได้ในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ และแม้ว่าจะเพิ่งขายลูกไปได้ไม่นาน แต่หม่ากับอู๋หนานก็ใช้เงินกันจนหมดเกลี้ยง ซึ่งหม่าก็ได้รับสารภาพว่าทำไปเพราะความจำเป็น สถานการณ์มันบีบบังคับ เพราะตอนนั้นเธอไม่เหลือเงินเลย แม้แต่เศษเงินก็ไม่มีเหลือ
ทั้งนี้ เด็กน้อยทั้งสองคนได้รับการช่วยเหลือ พวกเขาปลอดภัยแล้ว และขณะนี้อยู่ในความดูแลของตายาย หรือพ่อแม่ของหม่า
