เปิดมุมมองของฝั่งนักบิน จากเหตุการณ์เครื่องบินแอร์เอเชีย FD178 ระเบิดกลางอากาศ บนความสูง 5,000 ฟุต เหตุใดจึงไม่เอาเครื่องลงทันทีที่รู้เรื่อง ต้องให้ผู้โดยสารร่างใหญ่ถีบประตูเครื่องบินก่อน
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @waddey
จากกรณีที่เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD178 ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นระหว่างการนำเครื่องบินขึ้น จากท่าอากาศยานนานาชาติมาเล ประเทศมัลดีฟส์ มายังกรุงเทพฯ และต่อมา ได้มีคนออกมาเล่าประสบการณ์ระทึกในห้วงเวลาที่ลอยอยู่บนอากาศ แต่เห็นไฟไหม้ที่ข้างตัวเครื่อง จนมีผู้โดยสารลุกจากที่นั่ง และพยายามถีบห้องกัปตัน เพื่อที่จะให้กัปตันเอาเครื่องลงนั้น
ล่าสุด (10 กันยายน 2562 ) เฟซบุ๊ก บินแหลก ได้ออกมาชี้แจงว่า การที่มีผู้โดยสารเห็นไฟติดที่ตัวเครื่อง และพยายามตะโกนว่าไฟไหม้ แต่นักบินยังเอาเครื่องขึ้นและไม่ยอมหันหัวเครื่องบินกลับไปที่สนามบินนั้น ไม่ใช่ว่านักบินเองจะไม่รู้เรื่องว่ามีไฟไหม้ ตรงกันข้าม บนหน้าจอของเครื่องบินได้บอกหมดทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่จำเป็นที่ผู้โดยสารจะต้องมาถีบประตูค็อกพิต แต่นักบินต้องเอาเครื่องขึ้นเพื่อให้อยู่ในระดับความสูงที่ปลอดภัย ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับขั้นตอนของการรักษาและประคองเครื่องยนต์ต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก บินแหลก
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @waddey
นักบินเองเทรนมามากจนเป็นมืออาชีพ ทุก ๆ 6 เดือน นักบินทุกคนต้องเข้าทดสอบการบินกับเครื่องจำลองในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งไฟไหม้ เครื่องยนต์ดับ เครื่องยนต์ขัดข้อง และทุกอย่างก็มีขั้นตอนของมัน ตนเข้าใจว่า ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ทุกคนย่อมตื่นตระหนก แต่การไปถีบห้องนักบินนั้น นอกจากจะเป็นการรบกวนสมาธิของนักบิน ยังเป็นการทำผิดกฎหมาย ถ้าเขาจะเอาเรื่องก็ติดคุกได้เลย
นอกจากนี้ เมื่อเครื่องบินบินลงมาแล้ว เหตุที่ยังปล่อยผู้โดยสารออกมาเลยไม่ได้ เพราะต้องให้รถดับเพลงดับไฟก่อน หากปล่อยผู้โดยสารลงจากเครื่องในขณะที่ไฟกำลังไหม้ ย่อมเป็นอันตราย และต้องขอบคุณเจ้าของโพสต์ที่ช่วยกันคนเอาไว้ไม่ให้กรูกันไปที่ประตูฉุกเฉิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน