ฉบับเต็ม สื่อออสเตรเลีย ย้อนเหตุการณ์สมัย ร.ท. ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกจับในคดียาเสพติด พบรู้ดีว่ามีการขนยาตั้งแต่ที่ไทยไปจนถึงที่ออสเตรเลีย คอยจัดหา - ดูต้นทาง ก่อนตามไป ถูกจับได้ก่อนรับสารภาพว่าขนยา จำคุก 4 ปี แล้วถูกเนรเทศ
อ่านเพิ่มเติม : ธรรมนัส ท้าเปิดหน้าชก คนขุดติดคุกออสเตรเลีย 4 ปี ชี้เรื่องมีการวางพล็อตในไทย
ร.ท. ธรรมนัส เคยออกมายอมรับว่า ตนเองถูกจับกุมในเดือนเมษายน ปี 1993 จริง จากการทำความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตนถูกควบคุมตัวก่อนที่จะถูกปล่อยตัวและออกมาทำการค้าในออสเตรเลีย การถูกจับกุมนั้น อันเนื่องมาจากตนไปอยู่ผิดที่ผิดเวลากับคนค้ายาเสพติดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอกสารจากทางศาลได้ยืนยันว่า ร.ท. ธรรมนัส พรหมเผ่า หรืออดีตชื่อว่า ร.ท. มนัส โบกพรหม แท้จริงไม่ใช่คนที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา หากแต่เป็นตัวละครสำคัญในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ
เมื่อถูกจับ ร.ท. ธรรมนัส บอกตำรวจว่า เขาเป็นสายลับทหารในชื่อ ยุทธภูมิ โบกพรหม และทำอาชีพเสริมในขณะที่เป็นผู้ช่วยทหารระดับชั้นนายพล และเพื่อเป็นการลดโทษ ร.ท. ธรรมนัส ยังเผยรายละเอียดเกี่ยวกับขบวนการค้ายาข้ามชาติ และบอกว่ามีผู้ร่วมขบวนการชื่อ วีระ มานพ และ พิศาล ด้วย
ในเอกสารของศาลระบุว่า ร.ท. ธรรมนัส ได้เจอกับเพื่อนร่วมขบวนการ, ชาวออสเตรเลีย 2 คน และหญิงตัวกลางเดินยา ที่กรุงเทพมหานคร ในตอนนั้น ร.ท. ธรรมนัส เป็นผู้จัดทำวีซ่าและซื้อตั๋วเครื่องบินให้หญิงเดินยา และมีหลักฐานที่บอกว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่มีการแพ็กยาเสพติด และขนยาเสพติดไปให้กับปลายทางที่ชายหาดบองดี ประเทศออสเตรเลีย
รายงานระบุอีกว่า
นายศรศาสตร์บินไปที่ซิดนีย์ก่อน และเช็กอินเข้าที่ห้อง 1011
ที่โรงแรมพาลาจโฮเทล จากนั้นในอีก 2 วันต่อมา ปา หญิงเดินยา
ก็จะเดินทางตามมา ร.ท. ธรรมนัส ยืนยันว่า ก่อนการเดินทางจะมีการจับตาดูปาตลอดเวลา ตั้งแต่เวลา 19.00-05.30 น.
ก่อนที่จะไปขึ้นเครื่อง ร.ท. ธรรมนัส พาเธอไปบ้าน ไปอาบน้ำ
แล้วเอาบางอย่างใส่เข้าไปในกระเป๋า ร.ท. ธรรมนัส ยังยอมรับว่า
"ผมอยู่ที่นั่นตอนที่เธอเอายาใส่กระเป๋า"
เมื่อมาถึงซิดนีย์ นายศรศาสตร์ และนายมาริโอ้ คอนสแตนติโน่ จะไปรับปาที่สนามบินซิดนีย์ แต่กลับไม่พบตัว จนนายศรศาสตร์ต้องโทรศัพท์กลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ในนาทีนั้น ร.ท. ธรรมนัส โกรธมาก และยังบอกอีกว่า "คุณทำงานอย่างที่ผมต้องการไม่ได้"
นายศรศาสตร์ได้ไปเจอกับนายแซม คาลาเบรซ ที่ชายหาดบองดี ส่วนปานั้น ไปที่โรงแรมกาซิโบ้ และบอกว่า เธอได้เอาเฮโรอีนไปไว้ใที่ห้อง 713 ที่โรงแรมปาร์ครอยัล โฮเทล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ปาหายตัวไปนั้น ทางตำรวจได้แอบติดเครื่องดักฟังเอาไว้ในกระเป๋า
นายศรศาสตร์ ไปเจอกับปา ที่โรงแรมกาซิโบ้ มีการส่งมอบกุญแจให้กัน และต่อมา นายมานพ อีกหนึ่งผู้ร่วมขบวนการ ที่ตั้งใจจะเดินทางตามมาออสเตรเลีย พร้อมกับ ร.ท. ธรรมนัส ได้เกิดเปลี่ยนใจ ปล่อยให้ ร.ท. ธรรมนัส มาที่ออสเตรเลียคนเดียว
นายศรศาสตร์
ได้เช็กอินเข้าห้อง 609 และเอากุญแจให้ ร.ท. ธรรมนัส ไปเปิดห้อง 713
และไปเอาสิ่งของที่ซ่อนไว้ใต้เตียง นายศรศาสตร์เอาห่อของสีน้ำตาลไว้ในกระเป๋าสีดำ เอากระเป๋ากลับไปที่โรงแรมพาลาจโฮเทล
เพื่อส่งต่อให้นายมาริโอ้ คอนสแตนติโน่ และนายแซม คาลาเบรซ คนออสเตรเลีย
ซึ่ง ร.ท. ธรรมนัส ยังพูดด้วยว่า "ไม่ดีแน่ถ้าจะเอาของเก็บไว้กับตัวนาน ๆ"
จนกระทั่งทุกคนถูกจับกุมทั้งหมด และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า
ปฏิบัติการโดรเวอร์
นายศรศาสตร์ยอมรับสารภาพก่อน ตรงข้ามกับ ร.ท. ธรรมนัส ที่ในตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าสู่กระบวนการไต่สวน แต่ผู้พิพากษาบอกว่า หากเข้าสู่กระบวนการนี้ เขาอาจติดคุกไปถึง 9 ปี ซึ่งทำให้ ร.ท. ธรรมนัส ยอมร่วมมือกับตำรวจและสารภาพผิด
ในวันที่ 14 เมษายน 1997
ทั้ง ร.ท. ธรรมนัส และนายศรศาสตร์ ซึ่งจำคุกครบ 4 ปี
ถูกปล่อยตัวออกมาและถูกเนรเทศออกนอกประเทศทันที และเมื่อมาถึงประเทศไทย
ร.ท. ธรรมนัส กลับมาใช้ชื่อ พชร พรหมเผ่า และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น
ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์
และกลับมามีชื่ออีกครั้งเมื่อปี 2542
หลังเกี่ยวพันกับคดีฆ่าหนุ่มนักเรียนนอก และถูกตำรวจออกหมายจับ ทว่าปี
2546 ได้มีคำสั่งพิพากษายกฟ้องในที่สุด
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ภาพจาก สำนักข่าว INN
จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า ร.ท. ธรรมนัส พรหมเผ่า
เคยต้องคดียาเสพติดและติดคุกที่ออสเตรเลีย นานกว่า 4 ปี แต่ปัจจุบัน ร.ท.
ธรรมนัส ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และเจ้าตัวยืนยันว่าเรื่องนี้มีการวางพล็อตจากคนในประเทศ ยอมรับว่าอยู่ประเทศออสเตรเลียจริง และเคยถูกจับจริง
แต่เพราะอยู่ผิดที่ผิดเวลา จนตกกระไดพลอยโจน ติดคุกจริงแต่เป็นเวลาไม่นาน
อ่านเพิ่มเติม : ธรรมนัส ท้าเปิดหน้าชก คนขุดติดคุกออสเตรเลีย 4 ปี ชี้เรื่องมีการวางพล็อตในไทย
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ The Sydney Morning Herald วันที่ 10 กันยายน 2562 ได้รายงานอีกแง่มุมของเรื่องนี้ โดยระบุว่า
ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ร.ท. ธรรมนัส เคยถูกจับกุมจริง จากข้อหาค้ายาเสพติด
(เฮโรอีน) กว่า 3.2 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 4.1 ล้านดอลลาร์ เข้าออสเตรเลีย
จนทำให้เขาต้องติดอยู่ในคุก Parklea เป็นเวลากว่า 4 ปี
แล้วจึงถูกเนรเทศออกนอกประเทศทันที
ร.ท. ธรรมนัส เคยออกมายอมรับว่า ตนเองถูกจับกุมในเดือนเมษายน ปี 1993 จริง จากการทำความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตนถูกควบคุมตัวก่อนที่จะถูกปล่อยตัวและออกมาทำการค้าในออสเตรเลีย การถูกจับกุมนั้น อันเนื่องมาจากตนไปอยู่ผิดที่ผิดเวลากับคนค้ายาเสพติดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอกสารจากทางศาลได้ยืนยันว่า ร.ท. ธรรมนัส พรหมเผ่า หรืออดีตชื่อว่า ร.ท. มนัส โบกพรหม แท้จริงไม่ใช่คนที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา หากแต่เป็นตัวละครสำคัญในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ
เมื่อถูกจับ ร.ท. ธรรมนัส บอกตำรวจว่า เขาเป็นสายลับทหารในชื่อ ยุทธภูมิ โบกพรหม และทำอาชีพเสริมในขณะที่เป็นผู้ช่วยทหารระดับชั้นนายพล และเพื่อเป็นการลดโทษ ร.ท. ธรรมนัส ยังเผยรายละเอียดเกี่ยวกับขบวนการค้ายาข้ามชาติ และบอกว่ามีผู้ร่วมขบวนการชื่อ วีระ มานพ และ พิศาล ด้วย
ในเอกสารของศาลระบุว่า ร.ท. ธรรมนัส ได้เจอกับเพื่อนร่วมขบวนการ, ชาวออสเตรเลีย 2 คน และหญิงตัวกลางเดินยา ที่กรุงเทพมหานคร ในตอนนั้น ร.ท. ธรรมนัส เป็นผู้จัดทำวีซ่าและซื้อตั๋วเครื่องบินให้หญิงเดินยา และมีหลักฐานที่บอกว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่มีการแพ็กยาเสพติด และขนยาเสพติดไปให้กับปลายทางที่ชายหาดบองดี ประเทศออสเตรเลีย
รายงานระบุว่า ในช่วงปี 1993 นายศรศาสตร์ เทียมทัศน์ พี่น้องต่างบิดา
(หรือมารดา) ของ ร.ท. ธรรมนัส ได้มาขอร้องให้ ร.ท. ธรรมนัส
ช่วยดำเนินเรื่องขอวีซ่าให้ผู้หญิงที่ชื่อว่า ปา จากนั้นทั้ง 2
คนได้ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้กับสถานทูตเก่าออสเตรเลียในกรุงเทพฯ
และได้เจอกับปา และนายพิศาล วันต่อมา
นายศรศาสตร์ได้ยื่นตั๋วเครื่องบินให้ปา
ซึ่งตั๋วนี้เป็นตั๋วเดินทางมาที่ออสเตรเลีย และจ่ายเงินโดย ร.ท. ธรรมนัส
ต่อมา ร.ท. ธรรมนัส ได้มาเจอกับคนออสเตรเลีย 2 คน คือ นายแซม คาลาเบรซ
และนายมาริโอ้ คอนสแตนติโน่ ซึ่งเป็นคนที่นายวีระแนะนำมา ร.ท. ธรรมนัส
ชี้ว่า แม้นายศรศาสตร์จะไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าจะมีการขนเฮโรอีน
แต่ตนเองก็คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย ตนพอจะรู้มาว่านายวีระเคยค้ายามาก่อน
ภาพจาก สำนักข่าว INN
เมื่อมาถึงซิดนีย์ นายศรศาสตร์ และนายมาริโอ้ คอนสแตนติโน่ จะไปรับปาที่สนามบินซิดนีย์ แต่กลับไม่พบตัว จนนายศรศาสตร์ต้องโทรศัพท์กลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ในนาทีนั้น ร.ท. ธรรมนัส โกรธมาก และยังบอกอีกว่า "คุณทำงานอย่างที่ผมต้องการไม่ได้"
นายศรศาสตร์ได้ไปเจอกับนายแซม คาลาเบรซ ที่ชายหาดบองดี ส่วนปานั้น ไปที่โรงแรมกาซิโบ้ และบอกว่า เธอได้เอาเฮโรอีนไปไว้ใที่ห้อง 713 ที่โรงแรมปาร์ครอยัล โฮเทล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ปาหายตัวไปนั้น ทางตำรวจได้แอบติดเครื่องดักฟังเอาไว้ในกระเป๋า
นายศรศาสตร์ ไปเจอกับปา ที่โรงแรมกาซิโบ้ มีการส่งมอบกุญแจให้กัน และต่อมา นายมานพ อีกหนึ่งผู้ร่วมขบวนการ ที่ตั้งใจจะเดินทางตามมาออสเตรเลีย พร้อมกับ ร.ท. ธรรมนัส ได้เกิดเปลี่ยนใจ ปล่อยให้ ร.ท. ธรรมนัส มาที่ออสเตรเลียคนเดียว
เมื่อ ร.ท. ธรรมนัส
เดินทางมาถึงออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 14 เมษายน แล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตาทุกความเคลื่อนไหวของ ร.ท. ธรรมนัส
โดยมีการปล่อยให้ ร.ท. ธรรมนัส เข้าเมืองได้ และเห็นว่า ร.ท. ธรรมนัส
และนายศรศาสตร์ ไปโรงแรมพาลาจโฮเทล
ก่อนที่จะเอากระเป๋าขึ้นแท็กซี่ไปที่โรงแรมปาร์ครอยัล
สถานที่ที่เฮโรอีนวางอยู่
ภาพจาก สำนักข่าว INN
นายศรศาสตร์ยอมรับสารภาพก่อน ตรงข้ามกับ ร.ท. ธรรมนัส ที่ในตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าสู่กระบวนการไต่สวน แต่ผู้พิพากษาบอกว่า หากเข้าสู่กระบวนการนี้ เขาอาจติดคุกไปถึง 9 ปี ซึ่งทำให้ ร.ท. ธรรมนัส ยอมร่วมมือกับตำรวจและสารภาพผิด
ร.ท. ธรรมนัส และนายศรศาสตร์ ถูกตัดสินให้จำคุก 6 ปี
และจะไม่มีการอภัยโทษก่อน 4 ปี นายมาริโอ้ คอนสแตนติโน่ ติดคุกอย่างน้อย 2
ปีครึ่ง และต่อมา ร.ท. ธรรมนัส และนายศรศาสตร์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อขอลดโทษ และศาลได้ยกฟ้อง
เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่า ร.ท. ธรรมนัส และนายศรศาสตร์ เป็นแกนกลางของขบวนการนี้
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ทั้งนี้ ร.อ.
ธรรมนัส ได้กล่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
พร้อมทั้งขู่จะฟ้องกลับสื่อออสเตรเลีย หลังรายงานข้อมูลติดคุก 4 ปี
ลักลอบขนเฮโรอีน โดยระบุว่า ไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
และตนเองติดคุกเพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น
ชี้มีสื่ออวตารที่พยายามโจมตีเพื่อล้มตนให้ได้
เนื่องจากตนเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัฐบาล
ภาพจาก สำนักข่าว INN