ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล จ.ตรัง เผยผลวิจัยพบไมโครพลาสติกในกระเพาะปลาทู จากการเก็บตัวอย่างเขตพื้นที่อุทยานฯ หาดเจ้าไหม น่าตกใจค่าเฉลี่ยสูงถึงตัวละ 78 ชิ้น ชี้ คนกินเข้าไปเสี่ยงต่อหลายโรค
จากกรณีเฟซบุ๊ก ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่ 3 จ.ตรัง เผยแพร่ภาพการการศึกษาไมโครพลาสติกในกระเพาะปลาทู บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง โดยเก็บตัวอย่างจากท่าเรือบริเวณหาดเจ้าไหม เพื่อวิเคราะห์การปนเปื้อนของขยะประเภทไมโครพลาสติกจากการกินอาหารของปลาทู ซึ่งพบว่า ปลาทูขนาดน้ำหนักเฉลี่ย 66.53 กรัม ความยาวมาตรฐานเฉลี่ย 17.46 เซนติเมตร มีไมโครพลาสติกในกระเพาะของปลาทูเฉลี่ย 78.04 ชิ้นต่อตัว ประกอบไปด้วยลักษณะที่เป็นเส้นใย แท่งสีดำ และกลิตเตอร์ ซึ่งลักษณะของไมโครพลาสติกที่พบมากที่สุดคือ ชิ้นสีดำ ด้วยค่าร้อยละ 33.96 เลยทีเดียว
ล่าสุด (11 กันยายน 2562) เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า พลาสติกในท้องปลาทูมาจากถุงพลาสติกจากใต้ทะเล ที่กร่อนแล้วแตกตัวเป็นไมโครพลาสติก ลอยขึ้นไปอยู่ในน้ำ
เมื่อปลาทูกินแพลงก์ตอนในน้ำ ก็กินไมโครพลาสติกเข้าไปด้วย จากนั้นก็ไปอยู่ในท้อง บางส่วนสลายตัวกลายเป็นนาโนพลาสติก เข้าสู่กระแสเลือดและเนื้อเยื่อปลาได้ หากเรากินสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป ก็อาจเสี่ยงต่อหลายโรค ตามที่องค์การอนามัยโลกเคยเตือนไว้ ดังนั้น ทางที่ดีคือการลดใช้และไม่ทิ้งพลาสติกในทะเล เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตในทะเล

โดยเฉพาะในบริเวณหาดเจ้าไหม ซึ่งมีปลาเศรษฐกิจทั่วไปที่ทุกคนสามารถบริโภคได้ และมีราคาที่ไม่สูงเกินไป อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเริ่มเก็บตัวอย่างปลาทู มาจากกลุ่มประมงขนาดเล็ก เฉพาะน่านน้ำในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม แล้วนำปลามาแยกในส่วนของกระเพาะเข้า ห้องแลป และพบไมโครพลาสติกประมาณ 78 ชิ้น ต่อ 1 กระเพาะ จึงทำให้เกิดงานวิจัยชิ้นนี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อยากให้ยอมรับความจริง และตระหนักถึงปัญหาทิ้งขยะ ถือเป็นวิกฤตขยะทางทะเล เพราะจริง ๆ แล้วขยะเหล่านี้คงไม่ได้อยู่ในเฉพาะปลาทูอย่างเดียว และในอนาคตทางศูนย์จะวิจัยเรื่องไมโครพลาสติกเพิ่มเติม ทั้งในหอยตะเภา หอยชักตีน และหอยผีเสื้อ ซึ่งเป็นหอยชื่อดังประจำถิ่นของ จ.ตรัง และเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่คนนิยมบริโภคกันมาก








