ชายมาเลเซียป่วยทางจิต หลงรักสาวคราวลูก เธอให้ความหวัง แต่ไม่มีใจให้ สุดท้ายก็โดนเท แถมยังคุยกับแฟนเก่า กลายเป็นความหึงโหด แค้นจัด ฆ่าข่มขืนศพ และนอนกอดศพทั้งคืน
![ชายป่วยจิตรักสาวคราวลูก]( "ชายป่วยจิตรักสาวคราวลูก")
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า นายโบะห์ ซูนโฮ ชายมาเลเซีย วัย 51 ปี ถูกจับกุม หลังจากก่อเหตุสะเทือนขวัญ ฆ่าหญิงสาวคราวลูก ก่อนข่มขืนกระทำชำเราศพ โดยโบะห์แอบชอบหญิงสาวคนนี้มานานแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีใจคิดจริงจังด้วย และเขาได้ลงมือฆ่าเธอ เพราะเธอปฏิเสธความรัก แถมมีชายอื่น
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2559 แต่คดีความยังไต่สวนไม่เสร็จสิ้น โดยหญิงสาวที่โบะห์ชื่นชอบ คือ หญิงสาวแซ่จาง (สงวนนาม) วัย 28 ปี เธอเป็นคนจีนที่พักอาศัยอยู่ที่สิงคโปร์ โบะห์เองก็พำนักอยู่ที่สิงคโปร์เช่นกัน โบะห์ได้พบกับจางและเกิดรักใคร่ในตัวเธอ มั่นใจว่าเธอเป็นแฟนของเขา
แม้จางไม่ได้รักและไม่คิดจริงจังกับชายคราวพ่อคนนี้
แต่เธอก็เล่นด้วย คล้ายกับให้ความหวัง
เพราะเธอยินดีให้ฝ่ายชายพาไปกินข้าวและพาไปช้อปปิ้ง กระทั่งเดือนมีนาคม
2559 จางก็ตัดสินใจเทโบะห์ ไม่ยอมรับคำชวนของเขาอีก
โบะห์ไม่พอใจที่ถูกตีตัวออกห่าง เขาสงสัยว่าเธออาจจะมีชายอื่น จึงเริ่มแอบสะกดรอยตามเธอ วนเวียนแอบมองอยู่แถวอพาร์ตเมนต์ของเธอเป็นเวลา 5 วัน จนกระทั่งในวันที่ 18 มีนาคม เขาก็พบเห็นจางขึ้นรถแท็กซี่ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง
ต่อมาในวันที่ 21 มีนาคม โบะห์ได้โทร. ชวนจางมากินข้าวที่ห้องพัก ซึ่งเธอก็เดินทางมา หลังจากทั้งสองกินข้าวกลางวันด้วยกันเสร็จ โบะห์ก็นั่งมองจางหวีผมอยู่หน้ากระจกและเกิดอารมณ์ทางเพศ เขาเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง พร้อมบอกว่าอยากมีเซ็กส์ด้วย
จางปฏิเสธ กล่าวว่า "ไอ้บ้า ถอยไปห่าง ๆ เลย นะ !" และด่ากราด แต่ฝ่ายชายก็พยายามจะเข้ามาจูบ เธอจึงขู่ว่าจะกัดลิ้นให้ขาด และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ โบะห์พยายามปลุกปล้ำฝ่ายหญิง พร้อมกับถามว่าผู้ชายที่พบเห็นในวันนั้นคือใคร ซึ่งจางก็บอกว่าเป็นแฟนเก่าจากจีนที่เดินทางมาหา และก็พบเจอกันเป็นปกติ โบะห์ได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการหึงหวงอย่างหนัก คว้าผ้าขนหนูมารัดคอจางจนตาย
รายงานคำให้การในชั้นศาลระบุว่า โบะห์รัดคอจางอยู่นานมาก จนกระทั่งใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ เขาจึงได้ปลดผ้าขนหนูออก โบะห์คิดว่าตอนนี้จางตายแล้ว เธอจะไม่สามารถต่อสู้ขัดขืน หรือปฏิเสธตนเองได้อีกต่อไปแล้ว และตนก็เองสามารถทำอะไรทุกอย่างได้ตามใจชอบ
ด้วยความที่เขายังมีอารมณ์ทางเพศอยู่ บวกกับไม่เคยเห็นจางเปลือยมาก่อน เขาจึงถอดเสื้อผ้าศพออก หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเอาไว้ จากนั้นก็ได้ลวนลามและร่วมเพศกับศพ แต่ไม่สำเร็จ เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวนานพอ
จากนั้น โบะห์ค้นข้าวของของหญิงสาวผู้เสียชีวิต ก่อนจะขโมยเงิน 50 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1,100 บาท จากกระเป๋าของเธอ เขาพยายามจะยัดศพลงไปในกระเป๋าเดินทาง แต่ไม่สำเร็จ เพราะร่างกายศพเริ่มแข็งแล้ว เขาคิดว่าจะหั่นศพเธอเป็นชิ้น ๆ แต่ก็ล้มเลิกความคิดไป
โบะห์นอนกอดศพจางอยู่ทั้งคืนจนถึงเช้า เขาพูดกับร่างของเธอว่า "ขอให้ไปสู่สุคตินะ" ก่อนจะจูบลา แล้วหลบหนีข้ามแดนไปมาเลเซีย และสารภาพกับน้องสาวว่าได้ฆ่าคนตาย ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง เจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่สิงคโปร์ ได้แจ้งตำรวจ หลังจากพบศพอยู่ภายในห้องพักของโบะห์
โบะห์ถูกจับกุมในวันที่ 4 เมษายน และถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่สิงคโปร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวโบะห์ไปตรวจสภาพจิตที่สถาบันจิตเวช ซึ่งก็พบว่าเขามีความบกพร่องทางสติปัญญาและมีความผิดปกติทางจิต จึงขาดความยั้งคิด ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด
ในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 โบะห์ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในชั้นศาล ตามข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ ฆาตกรรมผู้อื่น 1 กระทง พยายามข่มขืนศพ 1 กระทง และลักทรัพย์อีก 1 กระทง ทางศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริงในข้อหาฆาตกรรม โทษของเขาคือประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ทั้งนี้ โบะห์รอดพ้นการถูกเฆี่ยน หรือโบย เนื่องจากมีอายุเกิน 50 ปี
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2559 แต่คดีความยังไต่สวนไม่เสร็จสิ้น โดยหญิงสาวที่โบะห์ชื่นชอบ คือ หญิงสาวแซ่จาง (สงวนนาม) วัย 28 ปี เธอเป็นคนจีนที่พักอาศัยอยู่ที่สิงคโปร์ โบะห์เองก็พำนักอยู่ที่สิงคโปร์เช่นกัน โบะห์ได้พบกับจางและเกิดรักใคร่ในตัวเธอ มั่นใจว่าเธอเป็นแฟนของเขา
โบะห์ไม่พอใจที่ถูกตีตัวออกห่าง เขาสงสัยว่าเธออาจจะมีชายอื่น จึงเริ่มแอบสะกดรอยตามเธอ วนเวียนแอบมองอยู่แถวอพาร์ตเมนต์ของเธอเป็นเวลา 5 วัน จนกระทั่งในวันที่ 18 มีนาคม เขาก็พบเห็นจางขึ้นรถแท็กซี่ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง
ต่อมาในวันที่ 21 มีนาคม โบะห์ได้โทร. ชวนจางมากินข้าวที่ห้องพัก ซึ่งเธอก็เดินทางมา หลังจากทั้งสองกินข้าวกลางวันด้วยกันเสร็จ โบะห์ก็นั่งมองจางหวีผมอยู่หน้ากระจกและเกิดอารมณ์ทางเพศ เขาเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง พร้อมบอกว่าอยากมีเซ็กส์ด้วย
จางปฏิเสธ กล่าวว่า "ไอ้บ้า ถอยไปห่าง ๆ เลย นะ !" และด่ากราด แต่ฝ่ายชายก็พยายามจะเข้ามาจูบ เธอจึงขู่ว่าจะกัดลิ้นให้ขาด และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ โบะห์พยายามปลุกปล้ำฝ่ายหญิง พร้อมกับถามว่าผู้ชายที่พบเห็นในวันนั้นคือใคร ซึ่งจางก็บอกว่าเป็นแฟนเก่าจากจีนที่เดินทางมาหา และก็พบเจอกันเป็นปกติ โบะห์ได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการหึงหวงอย่างหนัก คว้าผ้าขนหนูมารัดคอจางจนตาย
รายงานคำให้การในชั้นศาลระบุว่า โบะห์รัดคอจางอยู่นานมาก จนกระทั่งใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ เขาจึงได้ปลดผ้าขนหนูออก โบะห์คิดว่าตอนนี้จางตายแล้ว เธอจะไม่สามารถต่อสู้ขัดขืน หรือปฏิเสธตนเองได้อีกต่อไปแล้ว และตนก็เองสามารถทำอะไรทุกอย่างได้ตามใจชอบ
ด้วยความที่เขายังมีอารมณ์ทางเพศอยู่ บวกกับไม่เคยเห็นจางเปลือยมาก่อน เขาจึงถอดเสื้อผ้าศพออก หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเอาไว้ จากนั้นก็ได้ลวนลามและร่วมเพศกับศพ แต่ไม่สำเร็จ เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวนานพอ
จากนั้น โบะห์ค้นข้าวของของหญิงสาวผู้เสียชีวิต ก่อนจะขโมยเงิน 50 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1,100 บาท จากกระเป๋าของเธอ เขาพยายามจะยัดศพลงไปในกระเป๋าเดินทาง แต่ไม่สำเร็จ เพราะร่างกายศพเริ่มแข็งแล้ว เขาคิดว่าจะหั่นศพเธอเป็นชิ้น ๆ แต่ก็ล้มเลิกความคิดไป
โบะห์นอนกอดศพจางอยู่ทั้งคืนจนถึงเช้า เขาพูดกับร่างของเธอว่า "ขอให้ไปสู่สุคตินะ" ก่อนจะจูบลา แล้วหลบหนีข้ามแดนไปมาเลเซีย และสารภาพกับน้องสาวว่าได้ฆ่าคนตาย ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง เจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่สิงคโปร์ ได้แจ้งตำรวจ หลังจากพบศพอยู่ภายในห้องพักของโบะห์
โบะห์ถูกจับกุมในวันที่ 4 เมษายน และถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่สิงคโปร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวโบะห์ไปตรวจสภาพจิตที่สถาบันจิตเวช ซึ่งก็พบว่าเขามีความบกพร่องทางสติปัญญาและมีความผิดปกติทางจิต จึงขาดความยั้งคิด ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด
ในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 โบะห์ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในชั้นศาล ตามข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ ฆาตกรรมผู้อื่น 1 กระทง พยายามข่มขืนศพ 1 กระทง และลักทรัพย์อีก 1 กระทง ทางศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริงในข้อหาฆาตกรรม โทษของเขาคือประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ทั้งนี้ โบะห์รอดพ้นการถูกเฆี่ยน หรือโบย เนื่องจากมีอายุเกิน 50 ปี
