สาวพีอาร์วัย 18 โดนลูกหลงจับยาบ้า ตำรวจยิง M16 ถล่มใส่จนขาพิการ ต้องฉีดมอร์ฟีนวันละ 6 เข็ม ครอบครัวเรียกเงิน 3 ล้าน แต่ได้จากตำรวจเพียง 3 หมื่น แถมขอไม่เอาเรื่อง ระบุในรถมียาเสพติด
วันที่ 3 ตุลาคม 2562 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า ครอบครัว น.ส.ชนากานต์ คงนะ หรือ ปูเป้ อายุ 18 ปี
ร้องเรียนกับสื่อ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ใช้อาวุธปืนสงคราม M16
ยิงถล่มใส่ขณะจับกุมผู้ต้องสงสัย จนปูเป้ได้รับบาดเจ็บ กระดูกขาแตก
เส้นเอ็นขาด เส้นเลือดใหญ่ขาด จนพิการขาซ้าย ต้องให้มอร์ฟีนวันละ 6 เข็ม
ด้านนางฉัตรสุวรรณ ดวงใจภักดี แม่ของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ลูกสาวทำงานเป็น
PR ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง และได้รู้จักกับนายทรัพย์ อยู่ระหว่างศึกษาดูใจกัน
ต่อมาในวันเกิดเหตุ นายทรัพย์ชวนปูเป้ไปกินข้าว ขณะอยู่บนรถยนต์ จู่ ๆ
มีกระบะสีดำขับมาขวาง นายทรัพย์จึงกลับรถ และยืนยันไม่รู้ว่าเป็นรถตำรวจ
จากนั้นรถตำรวจกับขับเร่งมาขนาบข้าง และใช้ปืน M16 ยิง
ซึ่งกระสุนไปโดนลูกสาวของตนที่นั่งเล่นมือถืออยู่ แผลเหวอะหวะ
ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
จากนั้นนายทรัพย์จอดรถแล้ววิ่งหนีไป ทิ้งลูกสาวตนไว้ในรถ
โดยยืนยันว่าลูกสาวไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและไม่มีสารเสพติดในร่างกาย
หลังเกิดเหตุตนเรียกค่ารักษาและค่าเยียวยาไป 3 ล้านบาท
แต่เบื้องต้นตำรวจช่วยค่ารักษาพยาบาลมาแค่ 3 หมื่นบาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่จ่ายให้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญากับตำรวจชุดจับกุม
ด้านนายแพทย์สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผอ.โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
แถลงความคืบหน้าในการรักษา ระบุว่า การผ่าตัดแปะผิวหนังที่ขาเริ่มดีขึ้น
แต่สิ่งที่น่ากังวลคือผู้ป่วยต้องฉีดมอร์ฟีนวันละ 6 เข็ม
เพราะมีอาการเจ็บปวดมาก ยังไม่สามารถยืนยันว่าขาจะหายเป็นปกติหรือไม่
ผู้ป่วยมีอาการเครียดอย่างหนักและหวาดผวา ต้องดูแลสภาพจิตใจเป็นพิเศษ
เนื่องจากในระยะยาวอาจเป็นโรคซึมเศร้าและถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
ขณะที่ศูนย์ป้องกันยาเสพติดกาญจนบุรี ให้ข้อมูลว่า
ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในห้องเช่าแห่งหนึ่ง
ย่านแก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี
จากนั้นผู้ต้องหาได้ล่อซื้อยาเสพติดจากเพื่อนของผู้ค้าคือนายทรัพย์
เมื่อมาถึงนายทรัพย์ได้ขับรถชนรถตำรวจ และแหวกวงล้อมของเจ้าหน้าที่
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตั้งใจจะยิงยางล้อรถ
แต่โดนเข้าที่ประตูและโดนขาของผู้บาดเจ็บ
ต่อมาพ่อแม่ของผู้บาดเจ็บเรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบาท ซึ่งถ้าเรียก 4-5
แสนบาท ก็จะช่วยเหลือ แต่นี่ 3 ล้านบาท เป็นจำนวนที่มากเกินไป
เพราะในรถคันดังกล่าวก็ตรวจพบยาเสพติดด้วย
อย่างไรก็ตาม นายชูศักดิ์ โจทย์จันทร์ อายุ 35 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันเกิดเหตุ
ตนเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีดำ 4 คน ยืนอยู่ข้างรถกระบะ
จากนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งขับมา ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนให้หยุดรถ
แต่รถยนต์คันดังกล่าวออกตัวด้วยความเร็วและชนกับรถของเจ้าหน้าที่ก่อนหนึ่งครั้ง
และขับหนีออกไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขับตามออกไป และได้ยินเสียงปืนดัง 1
นัด กระทั่งทราบว่า น.ส.ชนากานต์ ถูกยิง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก